Friday 24 April 2009

Paris Je t’aime (2)

ทำไมต้อง Paris Je t’aimeน่ะเรอะครับ?
......
ก่อนขึ้นเครื่องไปนั้น ผมได้ยินชื่อหนังเรื่อง Paris Je t’aimeลอยมากระทบรูหูจากไหนซักที่
ทั้งๆที่ไม่เคยดู ไม่รู้เนื้อเรื่อง ไม่คิดสนใจจะหามาดู
แต่ฟังแล้วก็สงสัยอยู่งิ๊บๆ...
ทำไมต้อง”ปารีส ฉันรักเธอ”ด้วยหนอ??

ก่อนวันที่จะลาจากปารีส
ผมตะโกนกู่ก้องคำนี้ในใจ
Paris Je t’aime +++
ฉันรักเมืองปารีส โอ๊เย๊พี่น้องง :)

รักปารีส เพราะปารีสเป็นปารีส(ไม่ ฮิลตัน)จริงๆ

เอ้าไปชมกันต่อ อีลิงไปเยี่ยมเยียนที่ไหนมามั่งนะครับ:)
อ้อลืมไป ผมทราบดีว่าผมเป็นคนที่ถ่ายรูปได้ใจวัยรุ่นเขมรราวกับใช้ส้นตีนกดชัตเตอร์
ดังนั้น ทำใจกันหน่อยนะครับ ฮือ T__T

พิพิทธภัณฑ์สถาน Louvreครับผม
เสียดายอย่างยิ่งที่ไม่ได้เข้าไปข้างใน...
ที่ได้ไปชมLouvreนั้นต้องเรียกว่าโชคนำพาวาสนาช่วย ผมอดคิดไม่ได้ว่ามันคือของแถมอุดปากจากทางทัวร์ที่กันไม่ให้พวกเราcomplaintกันเยอะนัก แหง่ะ - -“
Lourveนั้นรายล้อมอยู่ท่ามกลางพระราชวังตุยเลอลีย์ ส่วนที่เป็นพิพิทธภัณฑ์นั้น อยู่ชั้นใต้ดิน ปิรามิดอันกลางนั้น คือทางเข้านั่นเองครับ
ใครดูDa Vinci Codeคงคุ้นเคยกันดี ไอ้ปิรามิดใสๆที่เป็นตำนานอันนี้

เสียงลือเสียงเล่าอ้างเล่ามาว่า ปิรามิดแก้วเนี่ย เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมโยงระหว่างยุคเก่าและยุคใหม่ที่ปารีสต้องเผชิญ
ระหว่างที่ได้ไปพินิจพิเคราะห์ในระยะ10กิโลเมตรแม้วแล้วเนี่ย …
เออ...ผมว่าไอ้นี่มันเข้าท่า
เพราะมันเป็นอะไรที่แสดงให้เห็นเมืองปารีสจริงๆ ที่ทั่วทั้งเมืองนั้นมีสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่กลมกลืนกับของเก่าได้อย่างสวยงาม ไม่กระเด็นกระดอนไปคนละทิศทางมากมายนัก



ทางซ้ายมือไกลลิบๆ คือปิรามิดฉากจบของ Da Vinci Code
ดิ๊นเสียด๊ายยยเสียดายจริงๆที่ไม่ได้เข้าไปชมแม่นางโมนาลิซ่า ไม่ได้ดูคุณพี่ดาวิด ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้ดูไหม ฮือT_T

เกร็ดเล็กๆน้อยๆคือ คาดกันว่า ต้องไปเกิดใหม่สามชาติเศษๆกว่าท่านจะสามารถใช้ม้ามสูบความงามจากงานศิลปะข้างในนั้นได้หมด เพราะงานศิลปะนั้นถูกรวมรวมไว้ที่Louvreจากทั่วโลกนับพันชิ้น
อย่างไรก็ดี รู้สึกยินดีทีได้มาชม สวยงามครับ



ข้ามมาในเมือง โรงละครโอเปร่าครับผม

หอไอเฟิลครับ
อย่างที่ทราบๆกันดี ในภาษาฝรั่งเศสนั้น สิ่งของนั้นมีการระบุเพศ
หอไอเฟลเนี่ย ส่วนตัวแล้ว ผมว่ามันช่างให้ความรู้สึกแบบmasculineมาก เพราะดูโครงสร้างที่ทำจากเหล็กแล้วนั้น มันช่างดูบึกบึนทะมึนทึนทึบเสียนี่กระไร
หากแต่กระนั้นไซร้...ไม่น่าเชื่อ
เพศของหอไอเฟลเป็นเพศหญิงครับผม La Eiffel

อันนี้ภูมิใจนำเสนอมาก แถวนี้เค้าเรียกย่านมงมาร์ต
ดูรูปแล้ว ใครรู้สึกคุ้นๆลูกตาบ้างไหมครับ
ผมไปถึงแล้วร้องอ๋อออ
ฉากวิ่งไล่จับของหนังฝรั่งเศสที่น่ารักที่สุดเรื่องหนึ่งบนโลกใบนี้
Amelieไง^^


ประตูชัยอันโด่งดังของเมืองปารีส Arc de Triomphe
ถ่ายรูปยากเย็นมากกกกก เพราะว่าคนเยอะและตั้งอยู่กลางถนนจริงๆล่ะครับ
ประตูชัยนี้จักรพรรดินโปเลียนสั่งให้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะหลังจากไปตีเมืองต่างๆได้ครับ
เนื่องด้วยนโปเลียนนั้นครองได้ทั่วยุโรปจริงๆยกเว้นรัสเซีย ประตูชัยจริงมีอยู่ทั่วไปในหลายประเทศครับ ไม่ว่าจะเป็นอิตาลี หรือสเปน
ตามถนนหนทางของเมืองปารีส มีจักรยานให้เช่าด้วยนะครับ
(ไม่ทราบว่าข้อมูลผิดไหม ฮา)
ได้ยินมาจากภพโน้นว่าจักยานพวกนี้ หยอดเหรียญเช่าได้เลย
เวลาคืนนั้น คืนที่จุดไหนก็ได้ในกรุงปารีสครับ
ถ้ามีโอกาสอยากลองปั่นชมเมืองดูซักครั้ง ท่าจะแนวไม่เลว^^

มหาวิหาร Notre Dame พี่ไทยเรียกว่าโบสถ์แม่พระ
ด้วยลักษณะศิลปะแบบโกธิค โบสถ์นี้จึงให้บรรยากาศแบบสวยเคร่งขรึม
ความสวยงามแบบนี้ ขู่คนที่ไปเยี่ยมชมให้สำรวมตั้งแต่ยังไม่ได้ย่างก้าวเข้าไปว่างั้นเถอะ
Notre Dame มีตำนานมากมายด้วยความคงกระพันผ่านยุคสมัย
แต่ที่เห็นจะยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คงจะเป็น The Hunchback of Notre Dameนั่นเองครับ

อันนี้เค้าเรียก”กิโลศูนย์”ครับผม ตั้งอยู่หน้าNotre Dame
ในยุคโบราณนั้น เครื่องหมายนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง และเป็นตัวบอกทางด้วย
เช่นว่า จะไปเมืองข้างๆ ถ้าเริ่มจากกิโลศูนย์ ต้องไปทางทิศใด อะไรแบบนั้น
อารมณ์ประมาณ เฮ้ย เจอกันที่สนามหลวงว่างั้นเถอะ











ภายในวิหาร Notre Dameครับ
ภาพดำนิดนึง เพราะใช้แฟลชไม่ได้
วันที่ไปนั้น เป็นวันEasterของทางโน้น ดังนั้น จึงได้มีโอกาสชมพิธีมิสซาของชาวคริสตชนด้วย

Notre Dameนั้นเป็นอีกที่ ที่รู้สึกว่า เป็นวาสนาที่ได้มาชมครับ

No comments: