Saturday 19 September 2009

เขียนเพราะว่าง

ไม่มีไรทำเลยฮ่วย..
วันนี้เป็นอีกวันเสาร์ที่ผ่านไปอย่างเหงาหอย..
ออกไปทานข้าวกับเพื่อน ไปตีแบดก็ไม่หาย.
วันนี้AFจบแล้วอีกตะหาก...แล้วกรูจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงล่ะนี่
ยังคงใช้ชีวิตด้วยความหวาดระแวงสารพัดต่อไป เฮ้ย คันนั้นมันขับตามป่าว
ไอ้ผู้ชายคนนั้น มันจะเดินเข้ามาต่อยเราอีกหรือป่าว...
เวลาผ่านไป อะไรคงดีขึ้น

วกเข้ามาเรื่องAF...แผนนี้ประสบความสำเร็จว่ะค่ะ
เห็นมั้ยพี่น้อง...ดิ๊นไม่เชียร์ซานิV6ซักนิดเลย เป็นไงค้า ได้ชิงแชมป์
อีกคนที่ไม่เคยเชียร์เลยตั้งกะเปิดบ้านคือแอนV10 เพราะชีไม่ใช่
เป็นไงค้า...ได้ชิงแชมป์ค้า

อิช้านรู้แร้น..
นี่เองคือเคล็ดลับความงาม...
อยากให้ใครอยู่นานๆเรอะคะ
ต้องอย่าไปเชียร์ ต้องแช่งมันเช้าแช่งมันเย็น(เหมือนไอ้เหี้ยปั๊มV8 Af5)
ต้องรีบเปลี่ยนช่องหนีเวลามันออกกล้อง
ได้ผลฉะนี้แล...

ไหนๆก็เขียนแบบสะเปะสะปะแล้ว ขออีกเรื่อง
ตลกมาก..เพิ่งค้นพบว่าหมาสองตัวที่บ้านชอบกินขนมมากกกกกกกกก
หากมันสองตัวตายแทนขนมได้..มันคงตายแทนคุกกี้ก้อนนั้นไปแร้น

ชอบกินขนาดไหนเรอะคะ...แม่ต้องซื้อมาให้มันสองตัวทุกวันค่ะไม่งั้นมันจะโวยวายไม่เลิก
ตะกี้ออกไปซื้อไอติม...
อยากทดสอบทฤษฏี...ลองเอาไอติมให้หมีกิน
ผลออกมา..มันกินลืมตายค่ะพี่น้อง
แถมด้วยบราวนี่ที่อิช้านทำตกทั้งก้อน เลยตกเป็นลาภปากของสองหมา
หมีกับมะขามฟาดหมดก้อนค้า....

ท้ายนี้...ระแวง หวาดกลัว วิตกกังวล
กลัวใครมาทำร้ายอีก กลัวมันตามมาทำร้ายครอบครัว กลัวล้านแปด
คุณนกยูงให้กำลังใจตลอด...ไม่มีเธอคงแย่กว่านี้

Monday 14 September 2009

พอใจ

วันนี้ตอนเช้าคุณพ่อคุณแม่ของผมเข้าไปประชุมกับที่บริษัทมาครับ
หลักๆก็คือเรื่องคดี ว่าทางบ.ทำอะไรไปถึงไหนแล้ว และแม่อยากจะไปดูที่ทำงานของผมด้วย

ที่สรุปกันได้คือทางตำรวจรอผมเข้าไปสอบปากคำอยู่...
ทางบริษัทเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ครับ

ที่อยากบันทึกไว้ มันเป็นความภูมิใจของผมเล็กๆเอง อยากบันทึกไว้ ไม่ได้มีเจตนามาอวดหรืออะไรหรอกนะครับ

ที่ทำงานเก่าของผมนั้น ผมผ่านประสปการณ์เลวร้ายมา จากไอ้หัวเน่าเลวบัดซบเก่าของผมนั้น
ตั้งแต่ออกจากงานนั้นมา สิ่งที่ผมตั้งใจและคิดว่าจะทำให้ได้ ถ้ามีโอกาส...
คือ...ผมจะไม่เป็นหัวหน้าแบบที่มีแต่คนเกลียด และผมจะไม่เป็นหัวหน้าแบบที่ไม่ให้เกรียติในการทำงานของลูกน้อง
ความภูมิในใจงาน และความรักจากเพื่อนร่วมงานนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก

ผมเชื่อว่าวันนี้...วันที่ผมต้องออกจากงาน ผมทำสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว
วันนี้ได้เข้าไปเจอลูกน้อง ไม่ว่าจะไอ้เจ้ากวางที่ทะเลาะกันทุกสามวันหรือน้องๆผู้ชาย
ผมสัมผัสได้ว่า...พวกมันก็ไม่ได้อยากให้ผมออกจากงาน
เจ๊กลับมาทำงานเห้อ อยู่กับพวกหนูสนุกจะตาย
เราก็อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เริ่ม เจ๊ไม่อยู่พวกหนูใจหาย
พวกผมก็กลัวว่าซุปคนใหม่ จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ฯลฯ

ถึงแม้มันจะเป็นข้อความเล็กๆน้อยๆ
แต่มันชื่นใจฟร่ะครับ..
ชื่นใจและภูมิใจที่เราทำสำเร็จกับเป้าหมายที่เคยตั้งใจไว้
เราจะเป็นหัวหน้าแบบที่ไม่มีคนเกลียด (หรือมีน้อยที่สุด) ไม่ดูถูกความสามารถใคร และซื้อใจคนรอบข้างได้

ถึงมันจะเป็นความภูมิใจอะไรก็ตามที่ผมอุปโลกน์ขึ้นมา
ผมถือว่าผมพอใจ และผมพยายามดีแล้ว

Sunday 13 September 2009

จิตตก

เฮ้อ..จิตตก
กลับมาเมืองไทยแล้ว เมื่อวานนี้
รู้สึกว่าอยู่โน่นต่อไปต่อมประสาทจะทำงานหนักเกิน เหงาด้วย อะไรด้วย...

ไม่อยากไปไหน ไม่อยากทำอะไร
วันนี้ที่บ้านชวนออกมาเดินเล่น ก็ไม่รู้สึกว่าอยากเดินไปไหน
ได้แต่มานั่งแปะอยุ่ตรงนี้

จิตตก มันเศร้าอยู่ในใจลึกๆ
ทำไมสิ่งที่เราเพียรพยายามทำมามันจบลงง่ายนัก
มานั่งคิดถึงเวลาที่ผ่านมา มันเหมือนฝันไปเลยเนอะ
วันศุกร์ตอนเช้าเรายังมีงานทำอยู่เลยนี่นา...
มาวันนี้ ไม่มีซะแล้ว ทำไมมันง่ายเกินไปนักสำหรับสิ่งที่พยายามที่ผ่านมา

พยายามปลง อืม...ชีวิตมันก็แบบนี้
ร้องไห้ไปก็เท่านั้น ช่วยอะไรไม่ได้หรอก

ตแนนี้รู้สึหว่าอยากอยู่นิ่งๆ
หายใจทิ้งไปวันๆ...

Thursday 10 September 2009

ข่าวลือ

ณ บัดนาว...อิช้านยังคงสติลอยู่ในMelbourneอย่างเหงาๆหงอยๆ
นอกจากจะโดนต่อยแบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่แล้ว
นอกจากจะตกงานแบบฟ้าผ่าแล้ว
นอกจากชีวิตจะเน่าบึ้ม ไม่มีทางออกมืดมนอลธการกับวันเวลาข้างหน้าแล้ว
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด...
อิช้านยังคงโดนนินทาอย่างต่อเนื่องจากเหตุการณ์อัปยศนั่นล่ะค้าท่านผู้โชม...

เสียงลือเสียงเล่าอ้างเล่าว่า...
ที่โรงงานนะ ฝั่งผู้ชายลืกันใหญ่เลย
ว่ากระพ๊มนั้นโดนต่อยเพราะเรื่องผู้หญิง ประมาณไปจีบสาวที่ไหนซักนางแล้วไปมีเรื่องเลยโดนตามมาต่อย
ที่สำคัญ...ท่าทางจะเรื่องใหญ่มาก
เพราะคุณลิงหนีหัวซุกหัวซุนไปออสเตรเลียอย่างด่วนแล้ว...

ฮ่วย...คำเดียวค้าพี่น้อง
ข่าวสารนี้ แปลนัยยะได้อีกอย่างนึง
โอ้...นี่ขนาดนั่งทำงานแบบเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่พยายามมีเรื่องกะใครแล้วนะเนี่ย
คนเกลียด+หมั่นไส้อิช้านรึ่มโรงงานเลยค้า

Souverieng Hill, VIC
ดีใจจางง...ฮือ T_T

Sunday 6 September 2009

ชีวิตหัก...

ชีวิตมันก็แบบนี้
ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้อะไรจะรอเราอยู่....

วันพฤหัสผมยังเดินไปเดินมาในที่ทำงาน และรู้สึกภูมิใจในหน้าที่การงาน
มาวันศุกร์...ผมกลายเป็นคนตกงานซะแล้ว

วันศุกร์..ผมออกจากออฟฟิศสาย เพราะเคลียร์งาน
วันเสาร์ผมมีกำหนดการบินมาเที่ยวMelbourneและวันพฤหัสหน้าจะกลับมาทำงานต่อ
ขณะที่กำลังเดินมาขึ้นรถนั้น
ผมโดนผู้ชายที่ยืนรอผมอยู่ที่หน้าป้อมยาม เดินมาต่อยผมที่รถ
ผมโดนต่อยไป7-8ทีได้เข้าที่หน้า
ดีที่มันยังไม่ใช่น้ำกรดมาสาดหน้า
ดีที่มันยังไม่ใช่มีดมาแทง
ดีที่หัวผมไม่ฟสดพื้น
ก่อนมันหนีไป...มันทิ้งคำด่าทอไว้เพียงว่า
"อย่าซ่าให้มันมากนัก"

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่โดนผู้ชายต่อย..
อ้อ...มันเจ็บฉะนี้
ผมรีบไปแจ้งความและไปรพ.
ตำรวจทำอะไรไม่ได้มากกว่าลงบันทึกประจำวันไว้
หมอทำอะไรไม่ได้มากกว่าให้ยาแก้บวมมาทาและจับผมไปเอ็กซเรย์สมอง

ไอ้ผู้ชายคนนั้นกับพวก...มันซิ่งมอเตอร์ไซค์หนีไป
และมันถอดป้ายทะเบียนทิ้ง
ยามที่บ.ทำอะไรไม่ได้ เพระตอนที่มันรอผมเลิกงาน มันใส่หมวกกันน๊อคไว้ทั้งคู่
ยามคิดเพียงว่ามันสองคนคงมารอรับใคร...
มารอรับเศษซากชีวิตของผมไง...

แปลกที่ผมไม่รู้สึกโกรธ ไม่โมโห
คิดได้เพียงว่า ชีวิตมันก็แบบนี้
และธุรกิจมันก็แบบนี้

ณ เช้าวันศุกร์...ผมโทรไปcancel orderลูกค้ามูลค่าเกือบสองล้านมา
ด้วยหน้าที่...เพราะของเจ้านี้มันห่วยจริงๆ และทำให้หลายส่วนที่ผมรับผิดชอบเสียหาย
ผมด่ามันไปด้วยภาระหน้าที่....
และผมไม่มีศัตรูส่วนตัวที่ไหน
ทุกวันนี้ผมใช้ชีวิตอยู่กับที่ทำงาน แฟน และเพื่อนสองคนเท่านั้น...

ตอนนี้ผมอยู่ที่Mel พยายามที่จะรู้สึกสบายดี
หลังจากกลับจากรพ.ในคืนวันศุกร์ แม่ตัดสินใจส่งผมมา ให้หนีๆไปให้ไกล
และให้ลืมๆมันไปซะ

ผมรักงานนี้มาก
และผมเสียใจมาก
มันไม่มีอีกแล้ว...เวลาที่เราจะได้หัวเราะด้วยกับลูกน้องของผมนั้น
และมันไม่มีพ่อแม่คนไหนจะยอมให้ลูกกลับไปทำงานในที่ๆมันอันตรายอีกต่อไป

ผมรู้สึกตัวเองไม่มีค่าเลย



Sofia,Camberwell, Nintendo Fanboy & Chunli