Thursday 28 August 2008

ฉลองเงินเก็บ ครบ8หมื่น (ฮ่วย)

ทุกๆเดือนหลังจากเงินเดือนออกนะครับ สิ่งที่ผมพยายามทำให้เป็นนิสัย นั่นคือ ผมพยายามเจียดเงินเดือนไปฝากประจำครับผม

ฝากน้อยบ้างน้อยบ้างทุกเดือน ผมทำมาเป็นนิสัยได้มาวันนี้ปีกว่าแล้วนะคร้าบบบบ^^



อ๊ะๆ หลายท่านอาจคิดปรามาสนะครับ

อีลิง มรึงแก่ไหปลาร้าระเบิดขนาดนี้แล้ว ทำไมเก็บเงินมาได้แค่ปีกว่า และมีเงินอยู่แค่เนี้ย?

ชาวบ้านชาวช่องในอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เค้าเก็บไปถึงไหนต่อไหน ผ่อนบ้านผ่อนคอนโดผ่อนรถผ่อนเมียน้อย(อ๊ะ ดีจางงง ผ่อนaeonด้ายม้าย)ไปถึงไหนแร้นนน



จะบอกว่า มันก็จริงอ่ะครับ เกิดมา27ปี ผมไม่เคยมีเงินเก็บกะเค้าเลยจริงๆ สาเหตุคือ ไม่เคยคิดเรื่องเก็บเงินเลย คิดแค่ว่า ไม่พอเดี๋ยวค่อยไปไถแม่เอาก็ด้ะ(แต่พักหลังๆแม่ประกาศเอกราช ไม่ยอมให้ข้าพเจ้าไถแร้น)

อีกสาเหตุนึงที่ทำให้ไม่มีเงินเก็บ เพราะว่าผมเป็นคนเก็บเงินไม่อยู่เลยจริงๆครับ เก็บไว้เป็นใช้แหลกราญ ก็เลยไม่เก็บแม่งซะเลย



ธรรมชาติของผมนะครับ ถ้ามีเงินในกระเป๋า และถ้ายิ่งตั้งใจว่าเราจะไม่ใช้มันเลยเมื่อไหร่

ไม่เกินสองวันหรอกครับ มันจะมีเหตุให้เงินกระเด็นออกจากระเป๋าอย่างไม่ได้ตั้งใจทู๊กกกที....

ผมเลยแก้ปัญหานี้โดยทำยังไงรู้ไหมครับ



กูก็รีบใช้ มีหนี้อะไรจ่ายแหลก จ่ายให้หมด ยังไม่ถึงดิวก็จ่ายๆไป เพราะว่าถ้าไม่จ่ายซะเดี๋ยวนั้น เดี๋ยวมันจะมีเรื่องให้เสียเงินแบบไม่จำเป็นเข้ามาและหนี้พวกนั้นมันจะถูกดองงงเค็มอ่ะคร้าบบ



ยกตัวอย่างบัตรเครดิตนะครับผม หลายคนบอกว่า บัตรเครดิตมีประโยชน์ในแง่ที่ว่า เราดึงจ่ายให้ช้าลง และเพื่อประโยชน์ในการหมุนเงิน

แต่ของผม มันไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ...เหตุคือ ไม่อยากดองหนี้เด้อ ซึ่งก็ไม่รู้อีกว่าสิ้นเดือน ในสภาพที่กระพ๊มบริหารเงินห่วยแตกได้ขนาดนี้ เราจะมีเงินจ่ายหรือเปล่า



เป็นหนี้มันเครียดเด้อ เลยเลี่ยงที่จะไม่เป็นดีกว่าอ่ะครับ

เวลาผมรูดบัตรนะครับ ผมทำให้เป็นนิสัยเลย อ่ะรูดปุ๊บ ไปจ่ายเลยที่ตู้ATM เราะจะได้ไม่มีหนี้

ยุ้ยเคยด่าผมว่า แล้วยังงี้เจ๊จะใช้บัตรไปทำไมยะ?? จ่ายสดไปซะก็สิ้นเรื่องไม่ดีกว่าเรอะยะ เออเนอะ...



อ่ะ กลับมาเรื่องเงินเก็บแล้วกันนะครับ

เดือนนี้ปีที่แล้ว กรรมดีและบุญเก่าของผมบันดาลให้ยุ้ยจูงมือพาผมไปเปิดบัญชีนี้ขึ้นมาครับ

ยุ้ยบอกว่า เอาน่า เปิดๆไปเหอะ หล่อลก็อายุเท่านี้แล้ว มันก็ต้องเริ่มเก็บเงินได้แล้วนะยะ

ผมแย้ง เฮ้ย แล้วมันจะไปรอดเรอะวะ ชั้นว่ามันจะเหนื่อยเปล่าๆนา ซักสองเดือนชั้นคงแจ้นไปถอนออกมาใช้แล้วม้างงง - -"





ยังจำได้ ตอนนั้นเงินเริ่มแรกเลยที่เปิดบัญชีมีประมาณ5000กว่าบาทเองครับผม เราเดินดุ่มๆไป เอาวะ เอามันไทยพานิชย์เนี่ยล่ะง่ายดี ดอกบ้งดอกเบี้ยอะไรเราไม่สน ขอให้ถอนยากๆหน่อยแล้วกัน (มันยากตรงไหน ฮ่วยย)



และจากวันนั้นมา มาวันนี้ครบปีนึงที่แล้วที่ผมเก็บเงินเข้าที่บัญชีนี้ครับผม ทำเป็นนิสัยไปแล้วจริงๆ เงินเดือนออกปั๊บ ต้องรีบเต้นไปธนาคารฝากเงินก่อนเลย (เพราะกลัวเงินกระเด็นใช้เรียบบบบ)



เก็บมาเรื่อยๆทุกเดิอนๆ มาวันนี้ ผมมีเงินเก็บ8หมื่นแล้วนะครับ ^^

ถึงมันจะไม่เยอะ แต่ผมก็ดีใจกับตัวเองจังที่ได้ทำอะไรที่เป็นระบบระเบียบกับเค้าบ้างซะที



เป้าหมายนะครับ ผมอยากเก็บให้ได้ซักแสนห้าหรือสองแสน (แต่ผมว่ามันต้องมีเรื่องให้ใช้ก่อนแหงมๆ - -")

อยากจะไปดาวน์รถเป็นของตัวเองซักทีอ่ะครับ ใช้แต่รถพ่อแม่ วันไหนจะโดนยึดคืนก็ไม่รู้ ฮือๆ T__T





เอ้า เย้^^ เพี้ยงง ขอให้เงินเก็บอยู่คงอยู่นาน เพี้ยงงง

Monday 25 August 2008

มิติลี้ลับ...

สวัสดีวันจันทร์นะครับทุกท่าน^^



ตามไปอ่านบลอคของพี่ๆท่านอื่นมา วันเสาร์อ.ไปทำอะไรกันมาบ้าง โอร้วช่างเป็นอะไรที่น่าอิจฉามากๆครับผม...



เพราะสำหรับผม วันเสาร์ที่ผ่านมา สิ่งที่ผมไปทำมานั้น เป็นอะไรที่สยึ๋มดึ๋ย เจ็บปานมดลูกจะแหก แต่ทำไมกรูกลับแอบรู้สึกดีเสียวซาบซ่านในขณะเดียวกันมาครับ

เขียนไป คิดไป กรูมันก็บ้าเนอะกล้าเอามาเขียนด้วย...ว่าแต่แล้วกรูจะเอามาเขียนทำไม แทนที่จะเก็บมันเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดเหมือนตำแหน่งของสิ่งๆนั้น (ฮ่วย)

แต่ก็เอาเถอะครับ เพื่อความแปลกใหม่และเฮฮา ลาวทามด้ายยยย - -" วะฮะฮ่า



ถึงกระพ๊มนั้นจะเป็นทอม แต่แน่น๊อนน อิช้านนนน้านนนก็มีสรีระเหมือนผู้หญิงทั่วๆไปใช่ไหมครับ(ไม่ใช้คร้า
พี่ลิงมีนม4เต้าแน้ ดังนั้น ไม่นับเป็นสปีชีส์ชิมิเคอะ)



ตั้งแต่อ.ที่แล้ว กระพ๊มมีปัญหาคันนนนยุบคันนนยิบตรง...เอ่อ...นั้นอ่ะคร้าบ
ใครเคยเป็นคงทราบนะครับว่ามันทรมานขนาดไหน นรกบนดินนี่มันมีจริงในโลกนะเด้อ...

เดินไปไหนที อิชั้นแทบอยากจะตีลังกาเดินหรือกลิ้งไปแทนสองขา นั่งก็โคตรทรมาน นอนก็ทรมาน เฮ้อ....
เรียกได้ว่า คันนนนน รับประเถือกอะไรกันไม่อร่อยกันเลยทีเดียว

ในตอนแรกนั้น ผมคิดว่า เออ ซักสองสามวันมันคงหายเองล่ะมั้ง เพราะว่าเราก็ไม่ได้ไปทำอะไรพิเรนทร์ๆมาก่อนหน้านี้นี่หว่า...
สามวันผ่านไป...อิช้านยังคงสติลคันนนจนแทบอยากจะสิ้นสติหนีความทรมานนี้ไปซะ...
เลยทำใจเอาวะ...เห็นทีกรูคงต้องหอบกายสังขารไปเสียสาว(อุ๊ยดีใจจัง) ให้หมอตรวจซะที

ฆ่ามันให้เหี้ยนนนนนนน ไอ้พวกเชื้อโรคทั้งหลายย หะย้ากกกกส์...

วันเสาร์...ผมตัดสินใจบุกดินแดนมิติลี้ลับ(เพราะตรวจแต่ช่วงล่าง) ณ รพ.กรุงเทพมาครับ
ระหว่างทางที่ขับรถไปรพ.นั้น อาการประสาทแดก เข้ามาทักทายผมเป็นระยะๆ
มือกุมพวงมาลัยไป...จิตนั้นไซร้ประหวั่นไปถึงเหตถการณ์ที่จะเกิดขึ้นเบื้องหน้า
ตายแน่กรู ต้องตายแน่ๆ แล้วนี่เราจะต้องโป๊ไปถึงไหนฟระ แล้วมันจะเจ็บมากไหม
แล้ว แล้ว แล้ว ฯลฯ

โอร้ววววววววว....

ระหว่างทางนั้น ผมพลันนึกไปถึงประสบการณ์ที่ไปตรวจโช้คมาครั้งล่าสุด ณ สถานีอนามัยไกลลิบที่ปทุมฯนี่ เหตุการณ์นั้นมันยังคงหลอกหลอนผมเรื่อยมาเป็นระยะๆ
ครั้งก่อนโน้นนนนที่ไปตรวจมานะครับ เนื่องด้วยมันเป็นเหตุฉุกเฉิน กระพ๊มไม่มีทางเลือกจึงต้องไปรพ.กระบือระทวยแถวๆที่ทำงาน

ผมเดินเข้าไปด้วยความมั่นใจ...เอาวะ ถึงกรูจะเป็นทอมมาดแมนแสนเข้มและหล่อขนาดไหน..
ช่วงล่างมันก็พังกันได้เว้ยยย และมันก็เป็นกฏธรรมชาติที่มันจะต้องมาหาหมอสูติฯ ไอ้ครั้นจะบากหน้าไปอู่หรือคลีนิคทำแท้งที่ไหน มันก็ใช่ที่...

ผมจอดรถ เดินอาดๆเข้าไปรพ.อย่างมั่นใจ กรูไม่อาย กรูไม่อาย

เดินเข้าไปป๊ะกับปชส.คนงาม กราบผมหนึ่งที(เฮ้ยกรูมิใช่ศพ)ต้อนรับการมาของผมอยู่ตั้งแต่ร้อยเมตรโน้นน...

ขอบัตรคนไข้หน่อยค่ะ เป็นอะไรมาคะวันนี้ พร้อมแจกยิ้มหวานวิไลตะไลมารให้ผมหนึ่งที...
ผมเริ่มเหงื่อตก...อ้อ เวลาพวกดาราใบ้ระบประทานเมื่อเจอนักข่าวถามวว่าท้องก่อนแต่งไหม มันคงเป็นแบบนี้
เอ่อ เอิ่ม..มาหาหมอสูติค่ะ (อยากจะเอาปี๊บคลุมหน้า)
ค่ะ แล้วอาการเป็นยังไงค๊ะ
(มึงจะตรวจให้กรูเรอะคะ ถามจัง คนแม่งก็เยอะ) ก็ ก็คันนิดหน่อยน่ะค่ะ
อ้อค่ะ แล้วมีอาการอะไรเพิ่มเติมไหมคะ แล้งคันตรงไหนคะ
(สติหลุดไปแร้น) ไม่มีค่ะ มันแค่คันมากๆตรง ตู๊ด ตู๊ด อ่ะคร้า มึงปล่อยกรูไปหาหมอได้หรือยังค้า อ๊า อ๊าT_T

ทันทีที่ตอบเสร็จ ผมสังเกตุเห็นRegistraสาวนางนึงที่กำลังสาละวนทำอะไรอยู่หน้าคอม แอบยิ้มและทำเนียนก้มหน้าแอบลงไปหัวเราะที่ใต้โต๊ะ

ความรู้สึกตอนนั้น โคตรอายยยยเลยฟร่ะครับ พ่อแม่เจ้าช่วยด้วย ทำไมกรูถึงต้องมาโดนถามอะไรแบบนี้หน้าธารกำนัลและหน้ารพ.เนี่ย ห๊า โอรกกก....

ผมรีบจ้ำอ้าว เดินหนีความอับอายขายขี้หน้าไปที่แผนกสูติฯทันที...
พยาบาลที่หน้าเคาน์เตอร์ถามประโยคเดียวกัน ราวกับโดนกดปุ่ม
เป็นอะไรมาคะ แล้วอาการเป็นยังไงเคอะ
(แล้วมึงที่หน้าปชส.จะเก็บข้อมูลกรูไปทำเบื๊อกอะไรฟระคะ วิจัยพฤติกรรมการมาใช้รพ.ของทอมเรอะ)
ด้วยความที่พยาบาลคนนั้นหน้าตาจิ้มลิ้ม ระทวยอุราอยากให้เธอตรวจให้แทนหมอซะเลยเดียวนั้น
ผมก้มหน้างุดๆ ตอบไปแบบกระซิบๆด้วยพลังวิญญาณที่มีเหลืออยู่น้อยนิดว่า

ยะ..อยากจะมาตรวจภายในน้องเอ้ย ภายในน่ะค่ะ มันคันค่ะ
คันตรงไหนคะ ตรงข้างนอก ตู๊ดด หรือว่าข้างในตู๊ดดดคะ
อะเอ่อ เอิ่ม... คันทั้งสองตู๊ดดเลยค่ะ(ขอปี๊บด่วนค่ะ)

ทันใดนั้น...พยาบาลคนนั้น เผยอยิ้มออกมาที่มุมปาก และพยายามกลั้นยิ้มแบบสุดตูดของเธอแล้ว เดินไปที่หลังเคาน์เตอร์..ผมสังเกตุเห็นเธอปั้นหน้ากลบหัวเราะสุดฤทธิ์....

วินาทีนั้น...จิตผมดิ่งวูบ...ฮือๆ...อิชั้นเป็นตัวประหลาดของดินแดนแห่งนี้ ฤ...

หลังจากวัดไข้เสร็จ สองนาทีต่อมาคุณพยาบาลจิ้มลิ้มคนเดิมก็มาเรียกผมเข้าไปในห้องตรวจ
ทั่นผู้โชมเดาได้ไหมครับว่า คุณหมอถามว่าอะไร
เป็นอะไรมาคะ แล้วอาการเป็นยังไงเคอะ

มันคันค่ะ
คันตรงไหนคะ ตรงข้างนอก ตู๊ดด หรือว่าข้างในตู๊ดดดคะ
อะเอ่อ เอิ่ม... คันทั้งสองตู๊ดดเลยค่ะ
อ่ะ งั้นหมอคงต้องขอเบิ่งหน่อยะนะคะ เดี๋ยวน้องไปถอดกางเกงในและกางเกงออก และนุ่งผ้าถุงออกมาหาหมอนะคะ

ผมหน้างิ่ดเหลือสองนิ้ว เฮ้ยยยยยย มันต้องขนาดนี้เลยเรอะคะหมอ ตอนแรกผมนึกว่าไม่ต้องอะไรมาก แค่ทายาก็น่าจะหายไรแบบนั้นอ่ะครับ

ผมเดินโซซัดโซเซไปที่ห้องน้ำ และนุ่งผ้าถุงออกมาประจันหน้ากับหมอและพยาบาล
ระหว่างที่เปลี่ยนเสื้อผ้านั้น ผมท่องพุทโธ ธัมโม สังโฆ พลางเหงื่อแตกซิ่กๆเตรียมตัวรับกับชะตากรรมเบื้องหน้า...

อ่ะนอนตรงนั้นเลยะนะคะ นี่คงไม่กลัวขาหยั่งใช่ไหมคะ
อ้อ ไม่กลัวค่ะไม่กลัว ผมตอบเสียงสั่น พลางคงักเซียงเพียวอิ๊ว(ถูกไหม)ขึ้นมาดม ปลุกความกล้า

พี่พยาบาลคนเดิมนั้น เดินมาพร้อมทำหน้าเอ็นดู อ่ะน้องค่ะ นอนนะคะ เอาตูดมาไว้ตรงนี้ และเอาขาพาดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดไว้ตรงโน้นเลยค้า ฮิฮิ...

ผมทำตาม เพราะไม่มีอะไรจะเสียแร้น เอาวะ มันก็เรื่องธรรมชาติ ซ้อมไว้ๆ เผื่อวันนึงเราต้องคลอดลูกจะได้ไม่เบ่งลูกเด้งไปไกลมาก..

พี่พยาบาลคนนั้น เดินไปหยับเอาไฟฉายมา และเอาไฟฉายมาส่องๆดูตรง ตู๊ด ตู๊ด
ผมนอนน้ำตาไหลพราก...ฮือๆ เอกราชที่เราเฝ้ารักษามานานนับสิบปี ฮือๆ....

คุณหมอเดินมาจนได้ และเริ่มลงมือตรวจ
คุณหมอร้องหือหา...โอ้โห นี่มัน(mailto:#*@#*@)((_)@$ คาดว่าเน่ามาแล้วไม่ต่ำกว่าสิบปี
ผมนอนอ้าปากค้าง พลางร้องโอร้วอร้าวประกอบกิจกรรมเข้าขังหวะนั้นเป็นระยะๆ

พี่พยาบาลที่ทำหน้าที่ถือไฟส่องกล้องมานั้น ทำไมรู้ไหมครับ
คราวนี้เธอยืนส่องไฟไป พลางหัวเราะไปอย่างไม่มีกลั้น
แถมในบางจังหวะ...ชีแอบเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะอีกตะหาก

ฮือๆT____________T


หลังจากคุณหมอตรวจเสร็จ คุณหมอบอกว่าผมเป็นโรคแพ้เห็บหมัด(เอาแบบนี้แล้วกัน ฮา)
สาเหตุเกิดจาก ผมน่ะ ซักกกน.ไม่สะอาดและตากไว้ในที่อับชื้น

ผมรับคำคุณหมอ ทันทีที่ตรวจเสร็จสิ้น ผมวิ่งร้อยเมตรออกมาจากห้องหมอไปจ่ายเงิน และพุ่งกลับบ้านหนีดินแดนมิติลี้ลับนั้นมาอย่างรวดเร็ว

พอกันที...ตรวจภายใน ฮือๆ..._T_T

อ่ะ กลับมาเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์นะครับ ย้อนอดีตกันไปไกลเชียว

คราวนี้ผมเลือกมารพ.กรุงเทพฯ เพราะคิดว่า ยาและการรักษามันน่าจะดีกว่าอ่ะครับ
จ่ายแพงหน่อย แต่ก็อยากให้หายขาดอ่ะครับผม

ไปถึงรพ.กรุงเทพฯ ผมตระหนักในทันทีว่า ฮ่วยย
กูคิดผิด...
พยาบาลรพ.นี้หน้าตาดีทั้งรพ.เลยเว้ยยยยเฮ้ยย โอร้ววว แล้วกระพ๊มจะโดนหัวเราะเยาะอีกไหม


ไปถึงแผนกสูติฯ มาคราวนี้ ผมโดนคำถามเดียวกันเช่นเคย
เป็นอะไรมาคะ (ฮ่วยย)
ก็มันคันนนนน่ะค้า อ้า อ้า...

พยาบาลที่นี่รู้งานและมารยาทครับ ไม่แสดงออกว่าโรคที่ผมเป็นนั้นมันเป็นเรื่องตลกหรือแปลกแต่ประการใดเท่าไหร่นัก

ตัดมาที่ห้องตรวจ หมอให้ผมเปลี่ยนชุด ใส่ผ้าถุงเช่นเคย
และเช่นเคย ไปเลยค่ะไป ขึ้นขาหยั่งไปนอนรอหมอนะค้า

ผมเปลี่ยนชุด และขึ้นเตียงไปนอนรอหมออย่างรู้งาน
พลางคิดว่า เอาวะ มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากกว่าครั้งที่แล้วล่ะนะ

พี่พยาบาลคนนั้นที่ทำหน้าที่ส่องไปไปยังมิติลี้ลับทำสีหน้าเรียบเฉย
อ้า...นี่คงเป็นสัญญาณอันดีงาม การตรวจคงผ่านไปได้ด้วยดีแน่ๆ

คุณหมอเตรียมเครื่องมือเสร็จแล้ว...และชวนผมคุย
นี่ไปทำอะไรมาคะ ไปมีอะไรกับใครมาหรือเปล่าคะวันสองวันนี้(มีก็ดีสิคะหมอ)
ทันใดนั้น...

คุณหมอบอกว่า เจ็บหน่อยนะคะ

โอร้ววว ต้องบอกว่าเจ็บชิบหอยยยยเลยยยยท่านผู้โชมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ไม่เอาแร้นนนนน โอร้วววววว....

แต่....

ทำไมกรูแอบรู้สึกดีฟระ โอร้วว เคลิ้มมมม...(5555)

ผมเดินล่องลอยอ่อนระโหยโรยแรงออกมาจากห้องตรวจ
หมอมือหนักจริงๆ ตู๊ดตู๊ดนะคร้าบบ มิใช่อิหยัง โอร้วววววว


เพี้ยง ขอให้หายในเร็ววัน พอกันที มิติลี้ลับ...

Wednesday 20 August 2008

ความเป็นไปของยุ้ย

ช่วงนี้บ้าคลั่งอัพบลอคมันอยู่นั่นล่ะครับ เขียนมันเข้าไป ไม่มีใครอ่าน กรูก็จะเขียนให้เว็บระเบิดตู้มต้ามตายกันไปข้างนึงเหมือนเว็บโน้นเลย วะฮะฮ่า (บ้าไปแร้น)
ไม่ได้เขียนถึงยุ้ยนานแล้ว วันนี้มาเขียนถึงความเป็นไปของยุ้ยกันบ้างนะครับ^^

ตอนนี้ยุ้ยอยู่อังกฤษครับผม และกำลังจะกลับมาเพื่อตรวจสุขภาพและมะเร็งสิ้นเดือนนี้คร้าบ

ตอนแรกก็ว่าจะไม่ให้กลับ เพราะว่าหมอที่โน่นก็น่าจะตรวจได้ แต่แม่ผมเค้าก็ไม่ไว้ใจอ่ะครับ ประกอบกับที่ว่ายุ้ยมีเบรคสั้นๆระหว่างที่เรียนภาษาอยู่นี้ แม่เลยให้กลับมาตรวจที่นี่ครับผม

ตอนนี้ยุ้ยก็ปรับตัวอยู่ที่โน่นได้แล้วครับ หลังจากที่มันบอกว่ามันนอนจมน้ำท่วม(น้ำตา)อยู่ตั้งหลายเดือน

ก็ดีใจที่ได้ยินแบบนั้นครับ เพราะด้วยความที่ยุ้ยเป็นน้องเล็กและประกอบกับสุขภาพไม่ดีแบบนี้ด้วย
แม่ก็ห่วง พ่อก็ห่วง อาม่าก็ห่วง ใครๆก็ห่วง ห่วงกันไปหมดเลยครับผม
แต่ยังไงก็ดี การที่ยุ้ยปรับตัวได้แล้วแบบนี้ หมายความว่าผมไม่ต้องไปเรียนแล้วอ่ะคร้าบบบ^^ ดีใจจังเย้
เอารูปมาให้ดูกันนะครับ^^ ยุ้ยอ้วนขึ้นหน่อยแล้วด้วย เพราะว่าทำกับข้าวทานเอง มันบอกว่า ถ้าไม่กินให้หมด มันก็น้อยใจฝีมือตัวเอง 5555



โว้วววว ไม่มีอะไรจะเขียนแร้น นึกอะไรไม่ออก เหมือนคนบ้าเลยเนอะท่านผู้โชมมมมมมมม ไปทำงานต่อดีกว่านะครับงั้น^^

ห้วยหนองคลองบึง

วันนี้นะครับ เข้าประชุมตั้งแต่เช้า

กรูว่าแล้ว วันนี้มันต้องวันซวยๆของผมอีกวันแน่นอน

ทำไมถึงรู้น่ะเรอะครับ? เพราะเมื่อคืนผมฝันว่าอะไรรู้แมะ?



ผมฝันว่าได้ซิ่งรถเมล์ต่างเฟอร์รารี่ไปรับสาวนางไหนซักนาง

โอ้โห...ในฝันนะครับ เกียร์รถเมล์นี่เบายังกะเกียร์ออโต้ ขับปรื๊ดๆ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไซร้

ใครนึกภาพเกียร์รถเมล์ออก...แม่งเอ๊ย มันต้องถีบสุดตูดนั่นล่ะครับ เอ้า เกียร์หนึ่ง เกียร์สอง...



แถมด้วยนะครับ ในฝัน ผมซิ่งรถเมล์ด้วยความเร็วระดับF3 โอ้โห กรูนี้ขับขั้นเทพ แซงที มอเตอร์ไซค์ยังอาย..

สาวๆรายทางนั้น กรี๊ดรถผมยังกะอะไรดี (รถเก็บขยะดีไหม ฮ่วยย)



โบราณว่า...ฝันว่าได้ขับรถ หรือนั่งรถ ผู้ฝันนั้น จะประสบกับความยากลำบากเรื่องอะไรซักเรื่อง

จากประสบการณ์ของผมนะครับ ฝันทีไรโคตรจะแม่น

ยิ่งวันไหนฝันว่าได้ขับรถหรูอลังการเท่าไหร่นะครับ มึงเตรียมตัวตามยังเขียดในวันรุ่งขึ้นได้เลย นังลิง...





แล้วมันก็จริงๆครับ...T__T

วันนี้ ผมโดนเผานั่งยางตั้งแต่เช้าแล้วครับผม เพิ่งออกมาตะกี้ก็พุ่งเข้ามาเขียนไดระบายแค้นก่อนเลย



หลายคนอาจจะนึกภาพไม่ออก ทำไมลิงประชุมทีไร มีเรื่องมาบ่นทุกทีเลยว๊า...

บริษัทผมนะครับ บรรยากาศการทำงานระหว่างแผนกนั้น มันมิใช่การร่วมมือกัน เพื่อให้งานมันออกมาสำเร็จด้วยดีหรอกนะครับ

แต่มันเป็นไปในทำนอง แข่งกันdiscreditและทำลายล้างกัน เพื่อให้ความดีและผลงานที่มีอยู่น้อยนิดของแผนกตนคงอยู่ได้มากกว่า



บริษัทผม มันเป็นอะไรที่ไม่น่าอยู่เท่าไหร่นักอ่ะครับ ใครๆหลายคนที่ลาออกไป ลาออกไปเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า "มันมั่ว"

ไม่มีโครงสร้าง ไม่มีแบบแผน no planning ไม่มีอะไรทั้งนั้น การทำงานที่นี่มันจึงเป็นแบบday to dayซะมากกว่าอ่ะครับ



วันนี้ ผมมีประชุมนำเสนอผลงานของแผนกครับผม ที่นี่เค้าประชุมกันเดือนละครั้ง เพื่อมาดูกันว่าแต่ละแผนกทำอะไรไปถึงไหนแล้ว

งานที่ผมดูนั้น มันเป็นเรื่องของstockของแถมและเบียร์ ดังนั้น ผมจึงกางโพยstock inventoryให้พวกทั่นๆชมกัน



ในใจคิด เออ มันคงผ่านไปได้ด้วยดี เพราะผมว่าผมทำดีมากๆแล้ว นับstockสิ้นเดือนทีไรก็ตรงทุกที และพวกเอกสาร ผมก็จัดทำอย่างเรียบร้อย



พอผมpresentเสร็จนะครับ เสียงจากไอ้เชรี้ยนรกแตกก็โผล่มาจากมุมมืด...



เอ๊ะ...ลิง แต่พี่ได้ยินมานะ

พี่ไม่ได้ว่านะ

วันก่อนพี่ไปเดินจจ.มา พี่เห็นของๆเราวางขายอยู่เต็มจจ.เลยว่ะ

พี่เลยเข้าไปถามว่ารับของพวกนี้มาจากไหน คนขายก็บอกว่า มาจากแผนกขนส่ง เค้ามาขายให้ถูกๆ...


แล้วเอ็งจะอธิบายว่ายังไงวะ

ผมอึ้ง เพราะไม่ได้เตรียมรับมือกับไม้นี้มาก่อนเลยครับ

ความรู้สึกตอนนั้น บอกได้แค่ว่า กรูโคตรโมโหเลย

ไอ้เชรี้ยเอ๊ย หมาแบบนี้ มึงชิงเปรตมาเกิดรึไง กรูและลูกน้อง ตั้งใจกันทำงานขนาดนี้ ของซักชิ้นก็ไม่เคยเอา

ทำไมมาสาดโคลนกันแบบนี้วะ ไอ้ห่าเอ๊ยย...

ความจริงที่ผมได้รับทราบมา และผมไม่เคยคิดจะเอาไปblackmailใคร เพราะถือว่า เราทำงานมันก็ต้องหลับตาข้างนึง มันถึงจะอยู่ได้

ก็มึงนั่นแหละไอ้ห่า ที่เบิกของออกไปขาย...มึงเป็นคนเดียวที่เซ็นต์เอาของออกได้ไม่ใช่เรอะ ไอ้ควาย

ผมพูดไม่ออก..ทันทีที่สติกลับมา ผมตั้งท่าจะอ้าปากพูด

พี่ก็พี่ไม่ใช่เหรอ พี่จะดูหลักฐานไหม

ก่อนจะได้พูดอะไรออกไป CEOพูดขึ้นมาว่า แกเองก็ได้ยินข่าวลือมาจากที่ต่างๆเหมือนกัน

พรุ่งนี้ ให้ผมเอาเอกสารเบิกทั้งหมด มานั่งยันกันไปเลย ว่า ใครที่เบิกของออกไป

หรือใครกันแน่ที่แอบขโมยของไปขาย

ผมนั่งกุมขมับ ไอ้เชรี้ยเอ๊ย มึงรู้มั้ยว่าวันๆน่ะใบเบิกมันมีกี่ร้อย

นี่ให้กูมานั่งไล่ตั้งแต่ต้นปี มันคงจะปาเข้าไปเฉียดหมื่นใบเข้าไปแล้ว...

อยากตายฟร่ะครับ...เฮ้อ...

พุทโธ ธัมโม สังโฆ...

เฮ้อ.....

Tuesday 19 August 2008

เรื่องขำๆจากญี่ปุ่น

ไปญี่ปุ่นงวดนี้นะครับ มีเรื่องขำๆมาเล่ามากมาย ดังนี้ แต๊นนน...

เริ่มกันด้วยคำถามประลองกึ๋น+รบกวนโสตประสาทกันดีกว่านะครับ ผมนั่งคิดอยู่ตั้งชม.กว่า กรูยังคิดไม่ออก
- ปลาอะไรเอ่ยยยยย พูดเพราะที่สุดในญี่ปุ่น?

ใครเดาถูกเอาไปเลยครับ บ้านพร้อมฮวงซุ้ยจากลิงเอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ (ดูเฉลยด้านท้ายเด้อ)

1. ทัวร์ที่ผมไปงวดนี้นะครับ กว่า99.99%ปลากรอบไปด้วยอาอี๊อาม่าอากงฯลฯ ทั้งรถสิริอายุรวมกันมากกว่า12,000ล้านปี
อีก0.0001%นั้น เป็นสาวๆหนุ่มๆรุ่นผมและเด็กๆอ่ะครับ

ใครเคยไปญี่ปุ่น คงทราบดีว่า ตามร้านต่างๆเนี่ย มันจะมีมุมแม่บ้านสุดประหยัดอยู่นั่นคือ "มุมชิมฟรี"นั่นเอง

วันที่สองของการเดินทาง เราได้มีโอกาสแวะชอปปิ้งสินค้าOTOPสั้นๆกันครับ ที่เมืองอะไรซักเมือง

ไปเที่ยวงวดนี้ สาบานเหอะ ผมจำชื่อเมืองกว่าครึ่งไม่ได้เลย เพราะว่าเมืองที่ไปนั้น เป็นเมืองเล็กๆที่การท่องเที่ยวเพิ่งจะบุกเบิกไปถึงอ่ะครับ
มันเลยไม่ค่อยคุ้นและติดหูผมซักเท่าไหร่นัก

วันนั้นเราแวะไปซื้อพวกกิมจิกันครับผม โอ้โห แต่ละไหนี่ต้องบอกว่าน่าสัปประแด๊กมากๆ กลิ่นเปรี้ยวนี่ลอยไปเตะจมูกผมไกลถึงประมาณ3กิโล..

ด้วยความที่เวลาซื้อของนั้นมีน้อยมาก อาเจ๊วัยกลางคนค่อนไปทางแก่หนึ่งนาง วิ่งร้อยเมตรเข้าไปร้านนี้ทันที
ผมเห็นป้าย"ผัวกรูชอบกิมจิคร้า" แปะอยู่บนหัวแก ขณะที่แกพุ่งเร็วจี๋ไปที่ร้านนั้น

ผมเดินตามไปสมทบ ด้วยความที่ผมไม่ค่อยชอบทานกิมจิเท่าไหร่นัก ผมจึงทำท่าไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไหร่
หน้าร้าน มันมีจะกิมจิให้ชิมฟรีครับผม คนขายหน้าตาสุภาพเชียว คอยอื่นกิมจิให้พวกเราทานกัน อ่ะๆลองแมะๆ
อาอี๊คนนั้น กวักมือเรียกผมแต่ไกล มานี่ๆมาลิง มาชิมนี่มะ
"มันอร่อยจริงๆนะ" มาลองชิมดูมา...

สิ้นประโยคนั้น อาเจ๊คนขายหน้าเหวอ ตาเหลือกราวกับโดนอุ้มไปดองลืมในโอ่งกิมจิ
พี่ไกด์ที่ป้วนเปี้ยนแถวนั้น ละล่ำละลั่กบอกอาอี๊ว่า
เอ่อ คนนายครับ ผมขอนะครับ ไม่พูดนะครับ คำนั้นน่ะครับ
คำไหนยะ ชั้นก็ไม่ได้พูดอะไรม่สุภาพนี่ยะ แล้วชั้นพูดแค่ว่า "มันอร่อยจริงๆนะ" เองนะ
มันผิดกฏส้วมเทศบาลตรงไหน ห๊า?

ก็ ก็คำนั้นน่ะครับ จริงไงครับ อย่าพูดสองจริงที่ญี่ปุ่นนี่นะครับ

คำว่าจริงๆน่ะ มันแปลว่า ...ไอ้นั่นของผู้ชายอ่ะคร้าบบบบ

เจ๊คนขายนี่ช็อคตาตั้งไปเลย เข้าใจผิดไปกันใหญ่ เพราะว่าเมื่อรปะกอบกับท่าทางอร่อยเริ่ดดดของคุณนายแล้วนั้น
เธอเข้าใจว่า กิมจิตำนานของร้านเธอ อร่อยเท่ากับ ตู๊ด ตู๊ด อ่ะคร้าบบบ - -"

2. เหตุเกิด ณ ร้านอาหารญี่ปุ่นโบราณกาลแห่งนึง
อาแปะคนนึงในทัวร์นะครับ แกต้องทานยาก่อนที่จะทานข้าวได้ แต่แกไม่มีมีน้ำเปล่า
จังหวะนั้น ไกด์ไม่ได้อยู่แถวนั้น แกจึงพยายามส่งภาษามือชี้โบ๊ชี้เบ๊พยายามจะสื่อสารกับพนง.เสิร์ฟรุ่นบรมทวดติดเทอร์โบ(แก่แต่กรูมีไฟ)
ชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปซักพัก ก็ไม่ได้น้ำเปล่าซักที
แกเลยใช้พลังวัยหนุ่มของแกที่สะสมมาเฮือกสุดท้าย บอกออกไปว่า อั๊วอยากได้น้ำเปล่า อ๊าวว อ๊าววว (ภาษไทยนี่ล่ะครับ)
อาอึ้มคนนั้น ชูสองนิ้วขึ้นมาทันใด แปลได้ว่าอึ้มเข้าใจแร้น และวิ่งหายเข้าไปในครัว

สามนาทีผ่านมา อาแปะนั่งรอด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน เพราะว่าคนอื่นนั้นเค้าทานกันไปถึงไหนแร้น แกนั่งหิวอยู่สามชาติแร้น ก็ยังไม่ได้กินซักที
นาทีถัดมา อึ้มวิ่งมาพร้อมถาด อาแปะแอบดีใจ โอร้ววว เราจะได้แหล่กข้าวซ้ากที

ที่ไหนได้ อาอึ้ม ไปยกโชยุซีอิ๊วขวดเบ้อเริ่มาให้อาแปะ พร้อมกับทำหน้ากรุ้มกริ่ม แสนจะภูมิใจในบริการข้ามประเทศข้ามเชื้อชาติของแกนัก...
อาแปะโมโห แม่งเอ้ย ไม่ได้แหล่กซักที พูดก็พูดไม่รู้เรื่อง ไอ้ครั้นจะทานยากับโชยุ มันคงอร่อยเข้าที

ด้วยอารมณ์ โมโห แกสบถออกมาว่า (โปรดทำสำเนียงจีนประกอบ)
"ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยเอ๊ย อั๊วอาเอาน้ำเปล่า ม่ายช่ายซีอิ๊วววววววววว"

ทันใดนั้น..อึ้มคนนั้น บังเกิดพุทธิปัญญาขึ้นมาทันใด พร้อมพยักหน้าสามที หงึก หงึก หงึก
และอึ้มแกก็วิ่งสามร้อยเมตรเข้าไปในครัวพร้อมถาดใบนั้น

อาแปะนั่งอ้าปากค้าง...รอดูว่าอึ้มวิ่งเข้าไปเอาอะไรมาให้แกอีก เอ...มันอาจจะเป็นน้ำส้มสายชูก็ได้
นาทีถัดมา...โอ้วววว รี่คงเป็นบัญชาของสวรรค์ นั่นไง น้ำเปล่า อ่าว อ่าวววว....


อาแปะนั่งง เออ..กรูนี้เพิ่งด่าอึ้มไปว่าไอ้เหี้ย ไหงมันออกมาเป็นน้ำเปล่าได้หนอ

ปริศนานี้มาถูกเฉลยบนรถทัวร์ครับ พี่ไกด์เฉลยว่าความจริงแล้วนั้นไซร้
น้ำเปล่า ภาษาญี่ปุ่นนั้นคือ "โอ้วเหี้ย" นั่นเอง...

แม๊...แปะมีญาณก็ไม่บอก...

3. ศัพท์ขำๆวันละหบายคำ

ควายๆ = เป็นคำอุทานสุดแสนจะน่ารักของสาวญี่ปุ่น
แปลว่า กลัวๆๆ

นมมีมาโชว์ = คำเชิญชวนตามมารยาทสังคม
แปลว่า ทานข้าวกันไหมเคอะ?
( แม๊ เสียดายมีนมมาโชว์)

กางเกงใน = expressionเช่นกัน
แปลว่า ไม่ใช่แล้วๆๆ


เฉลย คำถามข้างบน
-ปลาอะไรเอ่ยยยยย พูดเพราะที่สุดในญี่ปุ่น?

ตอบ: ปลาคาร์ฟ (ปลาคร้าบบบบ)

Monday 18 August 2008

In Japan

ไปเที่ยวมาครับผม เอารูปมาให้ดูกันนะครับ อาจจะไม่เรียงกันเล็กน้อย ขี้เกียจจัดเรียงรูปอ่ะคร้าบบบ





บะหมี่TV CHAMPIONอร่อยโคตรพ่อโคตรแม่ ชามละ 550yen


ได้ไปทาน ถือว่าไปเที่ยวญี่ปุ่นโคตรรรรรคุ้มแล้วครับผม ร้านนี้อยู่แถวชินจูกุ


ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมานะครับ ว่ากว่าจะได้เป็นก๋วยเตี๋ยวชามนี้เนี่ย น้ำซุปต้มมันทีสองวันเองงงทั่นผู้โชมมมม




กินตอนสี่ทุ่ม อ้วนเมิ่กกก...ชามใหญ่เท่าบ้าน






วัดอาซาคุสะครับผม วัดนี้ดังมาก ใครมาโตเกียวต้องมาไหว้



เสี่ยงเซียมซี7ใบ ซวย7ใบรวดเลยคุณพี่ T_____T


ริมแม่น้ำอะไรซักอย่างที่โตเกียว ระหว่างทางไปนาริตะ

หน้าตาอวกาศมากๆ พี่ไกด์บอกว่าเป็นเรือล่องแม่น้ำเหมือนเรือหางยาวบ้านเรานั่นล่ะครับ




แปลงผักทีไหนซักที่ อ้อ แถวๆฟูจิซังนั่นเอง

ถ่ายเอาไว้ เพราะว่ามันแสดงถึงความเป็นระเบียบและทุ่มเทของคนญี่ปุ่นจริงๆครับ

ขนาดปลูกผัก แต่ละแถวนี่ยังเท่ากันเป๊ะๆ


ณ ฟูจิซัง แม่ยอมแพ้แล้วววว...


ป้ายขอพร อันละตั้ง500เยน

ด้วยความทีเห็นแก่โชคลาภ ข้าพเจ้าเลยลงทุนยอมซื้อ

โปรดสังเกตุ เขียนซะทมึนไปหมด อ่านไม่รู้เรื่องเลย (เพราะกลัวไม่คุ้ม5555)

ผมสงสัยว่าเจ้าจะรู้เรื่องไหมนั่น เพราะมันยึกยือมาก และเป็นภาษาไทย

แม่บอก ไม่เป็นไร เจ้าน่าจะmulticultural 5555




ร้านนี้ ฮามาก ที่แถวชินจูกุ มันมีจริงในโลกด้วย

เห็นแต่ในการ์ตูน ร้านขายชุดนางพยาบาลเอย ชุดนักเรียนเอย อะไรเอยล่ะทั่นผู้ชม

โอร้ววว อยากซื้อไปให้ใครซักคนใส่บ้าง แต่เค้าคงจะใส่ไม่ได้แร้นตอนนี้ (55555)


มาอีกรอบ หน้าร้านramen








ที่ไหนก็ไม่รู้ อ้อ tateyamaนั่นเอง

kittyมีทุกเวอร์ชั่นที่ญี่ปุ่น สมแล้วนะครับที่เจ้าตัวนี้ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการให้เป็นทูตอะไรซักอย่างของประเทศ

เพราะว่ามีทุกที่ ทุกเวอร์ชั่นจริงๆ ขนาดไปไหว้เจ้านะครับ ยังมีเครื่องลางลายคิตตี้เลย

อันนี้เป็นคิตตี้สายรุ้ง และเวอร์ชั่นกระเช้าข้ามหุบเขาครับผม




tateyama











ที่หมู่บ้านมรดลกโลก จำชื่อไม่ได้ตามเคย

หมู่บ้านนี้นะครับ เป็นแบบทีเห็นคือ วิถีชีวิตนั้นก็ยังอยู่กันแบบเดิมๆ โบราณมากๆ แต่ว่าสวยดี

น่าอิจฉาครับผม อยู่หน้าเขาด้วย อากาศคงดี



นี่เป็นหลังคาแบบที่เค้าอนุรักษ์กันไว้นะครับ (จำชื่อไม่ได้ แหะๆ)

ใช้ฟางและหญ้าแห้งครับ เป็นวิธีกันหิมะและความหนาวของคนโบราณ

เค้าว่ากันว่า ตอนนี้ใครจะซ่อมหลังคาใหม่ที รัฐบาลออกให้เลยนะครับ

เรียกว่า ขอให้ทำเถอะ

หลังคานี้ 7แสนกว่าบาทเอ๊งงงท่านผู้โชมมมมม ไอ้หญ้าแห้งฟางแห้งเนี่ยล่ะครับ



tateyama เช่นเคย

ที่เห็นลิบๆนั่นสีขาวๆมันคืออะไรรู้ไหมครับ

ตอนแรกผมก็งง

มันคือหิมะที่ยังไม่ละลายครับผม หน้าร้อน แดดเปรี้ยงขนาดนี้มันยังไม่ละลายเลย

คิดดูสิครับแล้วหน้าหนาวมันจะหนาวนรกแตกขนาดไหน








จวนผู้ว่าสมัยก่อนครับผมที่เมือง....(จำไม่ได้ 55)



กลับมาที่หมู่บ้านชาวนามรดกโลกกันใหม่ สภาพเป็นแบบนี้ล่ะครับ

นักท่องเที่ยวปีนึงนี่เค้าว่ามากันทะลุล้านคนนะครับ



บ่อน้ำเสียหมู่บ้านนี้ สะอาดขนาดเลี้ยงปลาได้ ผมเข้าไปดูใกล้ๆนะครับ มันไม่เหมือนท้อน้ำทิ้งเลย

น้ำใสกว่าอ่างน้ำบ้านผมอีก- -"









ไป(เกือบจะได้)อาบน้ำแร่ออนเซ็นมาครับ ไกลมากกกกกกกกกก





อยู่ในหุบเขาอะไรซักอย่าง ไปยากมากๆครับ

ถือว่าโชคดีมากๆที่ได้ไป เพราะว่ามันintimateมากๆครับผม

เค้าว่ากันว่า(อีกแล้ว ฮ่วยย เพราะอิช้านมัวแต่หลับอุตุ ไปไม่ถึงคร้าบบ)

ตอนอาบน้ำแร่นั้นมันจะโรแมนติคมากๆ เพราะว่า บ่อน้ำแร่นั้น ติดอยู่กับแม่น้ำเลยครับ

ในวันที่แสงจันทร์ส่องหล้า(เอ๊ะบ้านใครฟระ) มันจะเป็นอะไรที่แจ่มมากๆ

อาบน้ำแร่ แช่น้ำ(พระ)จันทร์

ในวันที่อากาศหนาวๆและพระจันทร์ส่องอำไพนะครับ โอร้ววว จิบสาเกไปด้วย

ถึงตายก็ยอมล่ะครับ



มีเรื่องขำๆของบ่อน้ำแร่ออนเซ็นมาเล่าให้ฟังกัน ไว้ทีหลังนะครับ





จวนผู้ว่าเช่นเคย สภาพในบ้านนี้สร้างใหม่เกือบ90%นะครับแต่ว่าlayoutนั้นลอกของเดิมมาเลย

สวยครับผม บ้านน่าอยู่และท่าจะอยู่สบายมากมาย

ในวันที่อากาศร้อนเช่นวันที่ผมไปนั้น ภายในบ้านยังมีอากาศเย็นสบายเลยครับ

อาจจะเพราะว่า สถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นนั้น เน้นใช้สอยพื้นที่มากกว่าสวยงามเหมือนไปทางของจีนอะไรแบบนั้นล่ะมั้งครับ



ไปบ้านท่านผู้ว่านี้นะครับ สิ่งแรกที่ผมคิดคือ เออ กรูอยากนอน

แหม่...อากาศดี บรรยากาศสบายขนาดนี้ ได้นอนคุยกับสาว ท่าจะดีไม่น้อย...





ย้อนมาที่แรกเลยที่ได้ไปเที่ยว ปราสาทนาโกย่าครับผม

ปราสาทนาโกย่านี้เป็นหนึ่งในสามปราสาทที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นนะครับ

เสียดายที่ตัวปราสาททั้งสามนั้น โดนไอ้กันบึ้มหมดไปแล้วตอนสงครามโลกครั้งที่สอง

เพราะฉะนั้น ที่เห็นอยู่นี่เลยเป็นของจำลองครับผม



ปราสาทนาโกย่านี่นะครับ โชกุนอิเอยาสึ โชกุนองค์สุดท้ายแห่งรัชสมัยอะไรซักอย่างได้สร้างให้กับลูกชายคนที่7(มั้งนะครับ)

ไฮไลท์ของปราสาทนี้คือ เห็นบนยอดปราสาทไหมครับ มันจะมีเจ้าปลาสีทองอยู่สองตัว

ปลาสองตัวนี้ ใกล้ๆ อุ๊ยหน้าตาน่ารักจังครับผม

เค้าว่ากันว่าเป็นเทพ ชื่อ....(ไม่รู้ครับ555)

เป็นเทพที่ปกปักษ์รักษาปราสาทและเมืองนาโกย่าครับผม

ปลาสองตัวนี้ของจริงนะครับ สร้างด้วยทองคำแท้ๆหนักมากกว่า50กิโลกรัม

ถึงมันจะประดับอยู่บนปราสาทขนาดนั้น ยามเยอะแยะตอนกลางคืน

เค้าว่ากันว่า เจ้าปลานี่โดยขโมยไปตั้งสองครั้งแล้ว

ไม่รู้ปีกันขึ้นไปขโมยยังไงเนอะครับ

ภายในปราสาทก็ไม่ค่อยมีอะไร





เมืองนี้เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ผมชอบมากๆครับผม

เป็นเมืองเล็กๆที่ การท่องเที่ยวเพิ่งจะบุกเบิกเข้าไปถึงไม่กี่นานมานี้เอง

ผมได้มีโอกาสแวะเมืองนี้ เพือไปดูOTOPของที่นี่ครับ นั่นคือ แต๊นนน...
เวลาคุณไปทานอาหารญี่ปุ่น สังเกตุกันบ้างไหมครับ ตามหน้าร้านเนี่ย จะมีพวกอาหารปลอม(เรียกว่าอะไรดี)อยู่หน้าร้านเต็มไปหมด เทมปุระเอย ปะหมี่เอย อะไรแบบนั้น
เมืองนี้ก็ทำไอ้พวกอาหารจำลองแบบนั้นล่ะครับ

ที่ๆแวะไป เค้าเปิดให้พวกนักท่องเที่ยวได้ม๊โอกาสทำอหารจำลองพวกนี้ด้วยตัวเองและนำกลับไปที่บ้านได้ด้วย
แก่น้องชายผมทำกุ้งเทมปุระกับหัวหอมทอดมาอย่างละอันหน้าตาดูไม่ได้เลยครับ แต่ก็นับว่าเป็นอะไรที่โชคดีที่ได้ไปเห็นน่ะครับ

ร้านนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเลยครับ
เป็นอะไรที่ผมชอบมากๆครับบ้านติดแม่น้ำ อยากได้บ้านแบบนี้บ้าง
ผมถามแม่ว่า แม่ อยากได้บ้านยังงี้บ้าง ต้องทำบุญด้วยอะไรง้า
แม่บอกว่า เอาน่า - -"



ป๊ากับแม่ในชุดยูคาตะครับผม^^
สังเกตุ แม่ใส่เสื้อยืดข้างในด้วย ทั้งๆที่มันควรจะถอดออกให้หมดอ่ะครับ
แม่บอกว่าเผื่อไว้ กันหวอออก ฮ๋าๆ ^^

Saturday 16 August 2008

Prince Hornetสุดที่เลิฟ

ขออนุญาติลบไดแสนเศร้าสองหน้าก่อนนั้นนะครับ
ไม่เอาน่า ขึ้นชื่อว่าไดของนายลิง มันไม่ควรจะมีเรื่องอะไรแบบนั้นใช่ไหมครับ

นอนไม่หลับอีกแล้ว เลยลุกขึ้นมาเขียนอะไรดีกว่า
ว่าแต่ มีใครเข้ามาอ่านบ้างไหมเนี่ยคร้าบบบบบ เหอๆ

วันนี้ขอพูดเรื่องสุดเห่อของผมหน่อยแล้วกันนะครับ เขียนคนเดียวอ่านเองคนเดียวก็ด้ะT_T
ไม่เทนนิสอันใหม่ของผมนั่นเอ๊งงงง เอ๊งงงงงงงง

หลังจากที่ผมปสด.มาสามวันนะครับ ว่ากรูนั้นไปตกอะไรมาในราคาห้าพันกว่าบาท
ไม้เทนนิสที่เรารอคอยมาสี่ห้าปี มันควรจะเริ่ดดดด และดีมิใช่รือ...
ผมเลยหอบเอาไม้นั้นไปปรึกษากูรู้มาครับ...กูรู้ที่ว่านี้คือน้องมีน ไอ้เด็กติงต๊องแถวบ้านผมซึ่งหายใจเข้าออกเป็นราฟา นาดาลนั่นเอง

เฮ้ย ไอ้มีน เอ็งว่าพี่ซื้อมาแพงไหมวะ แล้วเอ็งว่าไม้พี่มันโอไหม พี่ไปอ่านreviewมานะ กรูแทบช็อค
โหยพี่ พี่ไปซื้อที่ไหนมาครับ รุ่นนี้ไม่เข้าไทยนะพี่แล้วราคามันก็โอเคเลย ไม่แพงๆ
แต่..ผมว่ามันไม่น่าจะเหมาะกับพี่นะครับ เพราะว่าหน้าไม้มันเล็กมากเลย95เอง พี่คงต้องออกแรงตีมากหน่อย
ผมว่ามันโอเลยนะครับ นี่ไม้แข่งนะครับเนี่ย และหน้าไม้ขนาดนี้ ในไทยหาไม่ได้ง่ายเลยพี่
คนไทยนะ ตีเล็กสุดก็แค่หน้า97เอง ของพี่95นี่ถือว่าเริ่ดดมาก
(เอ่อ กรูจะบอกว่ากรูซื้อมั่วค่ะน้อง หน้า95 มันต่างอะไรกับหน้าพิซซ่าถาดกลางถาดใหญ๋เรอะฟระคะ)

อย่างไรก็ตามผมฟังแล้วก็ใจชื้นนนน...
โอร้ววว นี่เป็นการซื้อของที่ประสบความสำเร็จมากมายของผมอีกครั้งเลยนะครับเนี่ย
เพราะเท่าที่ผ่านมานะครับ ผมซื้ออะไรทีไร มันจะเจ๊งและไม่คุ้มค่าราคาคุณภาพมาซะทุกที
เลือกเอาไฮโซเข้าว่า มันก็แบบนี้ล่ะเด้อ...

ขอนอกเรื่องหน่อย หลายคนชอบว่าผม ว่าผมน่ะไม่ค่อยศึกษาของ ก่อนที่จะซื้ออะไรซักอย่าง
เวลาที่ผมอยากได้อะไร ผมก็จะเดินดุ่มๆๆๆเข้าไปซื้อเลย ไม่ดูspecไม่เปรียบเทียบอะไรทั้งนั้น(แต่กรูค่อยกลับมานั่งดูทีกลังตอนซื้อแล้ว ฮ่วยย)
จะบอกว่าผมมีเหตุผลนะครับ กับเรื่องนี้...ไม่ใช่ผมซื้อของชุ่ยนะเออ...

คนจีนนะครับ จะสอนลูกเวลาดูของ หรือแม้แต่ดูคน ดูที่ ดูอะไรก็ตามที
เราคนจีน มีวิธีในการตัดสินครับว่าอะไรนั้นดีหรือไม่ดี ซื้อได้หรือไม่ได้ ฮ้อหรือไม่ฮ้อ
ถามว่าวิธีเลือกนั้น ทำยังไง
เราคนจีนใช้เซนส์ครับ คือดูลักษณะรวมๆว่าอันนี้ใช้ได้ไหม
มันใช้ความรู้สึกอ่ะครับ ว่าอันนี้ดีหรือไม่ดี

อย่างไม้เทนนิสอันนี้นะครับ ผมไม่รู้หรอกว่ามันspecเป็นจะได๋
ถามใครก็ไม่ได้ เพราะว่าพี่ญี่ปุ่นนั้น ภาษาอังกฤษนี่เป็นภาษาต่างดาวไปเลยสำหรับพวกเค้า
ผมเลยใช้ความรู้สึกดูครับ อืม อันนี้ดีใช้ได้ และความรู้สึกมันบอกว่า ไม้อันนี้เข้ากับเรา และเป็นของเรา
ผมเลยตัดสินใจซื้อมาครับผม
ทั้งๆที่ใจก็ลังเลนะครับ เออ ถ้าไปซื้อเมืองไทยมันถูกกว่า กรูนี้จะเจ็บใจปานไหน
เอ...หรือว่ารอซื้อที่ไทยให้คนแนะนำจะดีกว่าไหม ฯลฯไรแบบนั้น


หลังจากที่ไปถามมา ผมว่ามันก็น่าพอใจนะครับ อย่างน้อยมันก็คุ้มกับราคา
และเป็นอีกครั้ง ที่พิสูจน์ว่าวิธีดูของที่พวกเราคนจีนทำๆกันมานั้น มันได้ผล^^


วันนี้นะครับ ด้วยความเห่อ ผมเลยแบกไอ้เจ้าprinceไปขึ้นเอ็นมาแล้วครับผม
หลังจากเดินๆดู ตอนแรกก็ลังเลครับเออจะเอายี่ห้อไรดีหนอ
เอาprinceดีไหม wilsonก็ท่าจะดี headก็เริ่ด
สุดท้ายไปลงเอยที่babolatครับผม ราคาก็โอเค และรุ่นhurricaneนั้น ก็เป็นที่นิยม

ก่อนกลับมีเรื่องเข้าใจผิดขำๆเล็กน้อยครับผม
ด้วยความที่ไม้ผมนั้นหายากและหน้าแคบ คนขายเลยเข้าใจไปใหญ่ว่า
โหย ผมนั้นต้องตีเก่งขั้นเทพยดาฟ้าประทาน (พวกโปรๆจะใช้ไม้หน้าแคบๆครับ)
ก่อนกลับ คนขายเลยถามผมว่า พี่ครับๆ พี่ตีที่ไหนครับ
ผมตอบไปว่า อ้อ ปรกติผมตีที่ราชนาวีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะตีที่บ้านครับผม
คนขายทำตาโต ผมเองไม่ได้คืออะไรและเดินจากมา
ผมได้ยินคนขายพูดว่า
โห พี่คนนั้นท่าจะรวย มีสนามเทนนิสส่วนตัวที่บ้านด้วยเว้ย

ผมแอบทำหน้าเหวอ
เอ่อพี่ครับ ผมหมายถึง ผมตีที่สโมสรหมู่บ้านน่ะคร้าบบบคุณเพ่
รวยได้ขนาดนั้นก็ดีสิคร้าบบบบบบบบ^^

Friday 15 August 2008

ไดแก้ขัด

รอเลสล่าคืนสภาพมาเดือนกว่าๆแร้น แม่งก็ยังไม่หายเจ๊ง สงสัยจะพังพินาศไปถาวรแล้วมั้งนั่น
เลยระเห็จมาเขียนที่นี่แทน มาเพราะว่าพี่ตั๊ก พี่love และอีกหลายๆท่านแห่กันมาเขียนที่นี่

ปัญหาคือ มันใช้ยากชิบหอยเลย ทั่นผู้โชมมม(วันๆจะมีใครแวะเข้ามาอ่านบ้างไหมเนี่ยพี่น้อง)
เอาเถอะ เขียนๆไป ได้มีที่ระบายได้พูดได้คุยบ้างยังดีกว่าไม่มีเนอะๆ

อ้า มีหลายเรื่องมากที่อยากจะเขียน พี่น้องประชาชนทั่นใดตามมาจากเลสล่าบ้างไหมครับ
ชีวิตช่วงนี้ ก็ทมึนทึนทึบมาเชียวครับ ฝนมันกำลังตก...แต่ก็เอาเถอะ คนเรามีทั้งวันที่ดีและไม่ดี

เพิ่งกลับมาจากญี่ปุ่นครับผม ไปเที่ยวแถวๆนาโกย่าอ้าอ้า อะไรอีกฟระ จำไม่ได้ซักกะเมือง ไปแถบชนบทมากๆ
วันๆนี่เรียกได้ว่า เห็นแต่ต้นไม้ ลำธารและภูเขา จะหา7ซักร้านแม่งต้องข้ามเขาไปสามลูกโน่นนนน

โดยทั่วไปก็เฉยๆฟร่ะครับ เพราะผมเป็นคนไม่ค่อยชอบเที่ยวธรรมชาติเท่าไหร่นักอยู่แล้ว
ไว้เดี๋ยวจะเอารูปมาลง งวดนี้ถ่ายอะไรแม่งไม่ได้เรื่องซักกะอย่างเลย หน้าเงี้ยดำปี๋ปิ๊ด(อ๊ะๆ แต่ไม่แลดูแก่นะครับ)

เรื่องความรัก เอาเป็นว่าผมจะพยายามทำให้มันดีให้มากกว่านี้แล้วกัน ขอบคุณสำหรับความเข้าใจนะครับผม อย่าเพิ่งเบื่อกันไปซะก่อน

อ้อๆ มีอีกเรื่องนึง ไปถอยไม้เทนนิสมาแร้นนนน ยู้ฮู
หลังจากเล็งตัวใหม่มาเป็นปี ตัดใจซื้อไม่ลงซะที เพราะว่ามันค่อนข้างจะแพงไอ้ตัวที่เล็งๆไว้น่ะครับ
หมื่นกว่าบาททั้งนั้น พ่อบอกว่า แม่งเอ๊ยฝีมือตีแม่งก็อนุบาลกระบือน้อยขนาดนี้ ซื้อไม้ดีๆไปอายเค้าเปล่าๆนะลุกเอ้ยย
เวลาผ่านไป4-5ปี จะบอกว่า ตอนนี้ผมตีโอเคแล้วนะครับ ดังนั้นผมมีสิทธิ์จะซื้อแล้วใช่บ่? แฮ่ม...

ที่ไปสอยได้มาคือรุ่นPrince Hybrid Hornetครับผม
อยากจะบอกว่าที่เลือกอันนี้ เพราะว่ามันแลดูสวยดี สีส้มเป็นมงคลยิ่งนัก(เผื่อกรูจะตีเทพขึ้นๆ)และมนัแลดูไฮโซอู่จี๊
(specเรอะ ลืมไปได้โลด ไม่ได้คำนึงถึงเลย)
ตอนไปเลือกนั้น โอ๊ะ อันนี้มันon sale นี่หว่า โอร้ววว ลดจาก 32,000Yen เหลือแค่15,000Yen
เอามันอันนี้ล่ะวะ มันต้องดีมันต้องเริ่ดดดด เพราะว่ามัน(เคย)แพงมาก่อน



กลับมานั่งช้ำใจอ่านreviewย้อนหลัง ไอ้เชรี้ยเอ๊ยนี่กรุไปตกอะไรมาฟระพี่น้อง
มันคลอดมาตั้งแต่ปี2006โน่นนนน ก็สมควรแล้วล่ะนะที่มันจะsaleสะบั้นหั่นแหลกขนาดนี้

ตอนแรกก็แปลกใจ เออ ทำไมเราไม่เคยเห็นที่เมืองไทยเลยวะไอ้รุ่นนี้และราคามันก็ไม่แพงมาก ก็สมควรแล้วที่มันไปโดนโละอยู่ที่ห้างนอกเมืองขนาดนั้นล่ะนะ

ที่เจ็บใจอีกอย่างคือ อิชั้นนั้นก็เล็งมาดีแสนดีแล้วว่า เออ ไม้ตัวใหม่เนี่ยมันจะต้องเป็นทั้งpower and control (เพราะว่าเริ่มตีเป็นแล้วไง)
อ่านไปอ่านมา ฮ่วยยย มันเน้นด้านcontrolอย่างเดียวเลย แล้วมันจะแป๊กไหมนั่น

เอาเหอะ ออกห่างจากเรื่องเทนนิสมาบ้าง
วันนี้ว่าจะไม่จ๋อยแล้วเชียว เฮ้ออออ....ทำไมมันเป็นแบบนี้ฟร้า
คุณจะไปไหน มันก็ไปเถอะ ผมเองก็ไม่เคยว่า
แต่ทำไมผมหงุดหงิด เพราะผมไม่ไว้ใจอะไรบางอย่างยังไงก็ไม่รู้

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด วันนี้จะรีบนอน ออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ เฮ้อ.....:(

i miss lesla

my 1st page ;)
i miss lesla.it's been gone for ages already.
anyway,i'll be starting a new here.