Monday 29 September 2008

superอาม่า

สลัดโหมดเศร้าเหงาหอย เป็นการเป็นงานหน้าก่อนโน้นมานินทาอาม่ากันดีกว่านะครับ^^
มิตรรักแฟนเพลงทั่นไหนยังจำได้...


อาม่ากระพ๊มนั้น ชีfashionableมากกว่าใครในสามโลก ด้วยเกรียติภูมิของอดีตนางงอมซัวเถา..


ในวัย72ปีกว่าๆนี้ อาม่าไม่เคยยอมแพ้เรื่องความสวยความงามหรือแฟชั่นให้กับชะนีหน้าไหนในสามโลกนี้ครับ...

ด้วยความที่อาม่าไม่ยอมพ่ายแพ้ให้ความแก่ซะทีนั้น อาม่าจึงเป็นดาวของชะนีอีแอบทั้งหลาย ณ เคาน์เตอร์เครื่องสำอางค์ทั้งหลายครับผม ไม่ว่าจะ Bobbi Brownเอย Macเอย และ Nars เอย ฯลฯ


นอกจากเรื่องความสวยความงามที่อาม่าไม่ยอมแพ้ไผแล้วไซร้...


เรื่องเที่ยว อาม่าก็ยังชนะเลิศเช่นกันครับ
อาม่าไปเที่ยวมารอบโลกแล้วจริงๆครับผม ทีไหนที่ทัวร์ไปถึงและมันไม่ลำบากเกินไปนัก...
อาม่ากระพ๊ม ไปมาหมดแร้น...

ที่ประทับใจสุดๆ อาอี๊กลับมาเล่าให้ผมฟัง
เมื่อสองสามปีก่อน อาม่าไปเที่ยวอียิปต์ครับ ทีนี้ มันจะมีช่วงปีนป่ายมุดลอดปีรามิดที่ไหนซักที่
อาอี๊กลัวว่าอาม่าจะเข้าไปดูไม่ไหว เพราะนอกจากมันจะร้อนตับระเบิดแล้ว ฝุ่นงี้ตลบไปหมด
อี๊เลยบอกให้อาม่า นั่งรอแถวที่ร่มแถวนั้น แกจะรีบไปดูแล้วจะรีบกลับมานั่งเป็นเพื่อนอาม่า...

ที่ไหนได้..อาม่าไม่ยอมครับผม
ม่ายเอา อั๊วจาไปดู และอาม่าก็เดินฉับๆฝ่าร้อนฝ่าฝุ่นไปที่ปีรามิดนั้นแบบลืมสังขารไปโลด
สถานที่จริงๆมันเป็นยังไงก็ไม่ทราบนะครับ แต่อี๊เล่าว่า ทางที่จะเข้าไปดู มันต้องมุดเข้าไปเท่านั้น

อาม่าแกทำไงรู้ไหมครับ ม่าแกโยนโครมมมมมมหลุยส์ติงต๊องของแกเข้าไปก่อน และมุดเข้าไปฉับๆ
(เพราะกลัวอดเที่ยว- -") เปรี้ยวมอบโล่ห์แบบนี้ เอาถ้วยขวัญใจวัยรุ่นไปโลดดดด...


เมื่อสองอ.ก่อน อาม่าไปNorwayมาครับ
พออาม่ากลับมา อาม่าเรียกให้ผมไปหา เพราะแกซื้อเสื้อมาฝาก

ตอนแรกผมนึกว่าแกคงซื้อเสื้อNorwayอะไรแบบที่ระลึกแบบนั้นมาให้ผมล่ะม้าง

ทีไหนได้ ดูสิครับ แกซื้ออะไรมา...



Hard Rock Copenhegenนะเฟร้ยไอ้หลาน


ประทับใจมากๆครับ ว่าแต่อาม่ารู้จักHard Rockด้วยเรอะ
ไปผับมาเรอะคร้าบ อาม่า^^

Sunday 28 September 2008

เออ

เอาใหม่ เขียนสั้นๆง่ายๆ
สรุปใจความ...

ผมว่าน้องหนึ่งไม่ได้รักผมแล้วฟร่ะครับ เธอกำลังรอเวลา และเธออยากจะเป็นเพื่อนกับผม
ทั่นผู้อ่าน ลองพิจารณาสี่เหตุการณ์นี้

1. เธอบอกว่า หากส่วนประกอบของความรัก แบ่งได้เป็น100%
มันคือเพื่อน70%และรักเหลืออยู่แค่30%
2. ผมถามเธอว่า แล้วยังรักกันเหมือนแฟนไหม ถามไป อารามอยากรู้ประมาณ1แสนรอบ
คำตอบคือ ความเงียบ...
3. แม่ของเธอ กดดันเธอเรื่องผม ไม่ให้ออกจากบ้าน ไม่ให้คุยโทรศัพท์ ฯลฯ ณ อายุของเราที่28
แก่จนหมาเลียตูดไม่ถึงกันขนาดนี้แล้ว
เธอไม่ทำอะไรซักอย่าง เธอบอกแค่ว่าเธอเบื่อ
4. เมื่อวานนี้ เธอโทรมา พูดทีเล่นทีจริงว่า เป็นเพื่อนกันดีไหม มันไม่มีทางออกเลยเธอและผม
มันจะได้สบายใจ เธออยากมีครอบครัว อายุก็เยอะขึ้นทุกวัน และเรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้เลย อุปสรรคเยอะ

อืม...ผมเริ่มจะเข้าใจ มันคือระเบิดเวลาที่กำลังรอมันบึ้ม
เธออยากแต่งงานมีครอบครัวแล้ว..


ผมจะรอเธอพูดอีกที หากเธอพูดอีกครั้งที่สาม
ผมจะเป็นคนพูดกับเธอเอง เออ..เราจบกัน พอทีเถอะ
ปล่อยๆกันไป

เสียใจไหม ก็นิดโหน่ย เพราะเข้าใจ และคงโล่งใจ เออ จบได้ซะที
ผู้ชายมันก็ต้องคู่กับผู้หญิง เพราะมันแต่งงานได้ไง และแม่เธอก็ชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง

Friday 26 September 2008

ไอ้บู้

พิมพ์ตั้งนาน หายโม้ดด เพราะเหตุผิดพลาดทางautosave ฮือๆ T__T

อ่ะ พิมพ์ใหม่อีกรอบ สวัสดดีพี่น้องประชาชนนะครับผม หายไปนานหลายวันเลย หลักๆก็ ไม่มีอะไรมากครับ ไม่มีอะไรจะเขียนและก็ไปสัมมนาที่พัทยามาด้วย
ไปพัทยางวดนี้ ก็อบรมทั่วไปล่ะครับ นั่งฟังอะไรไม่รู้แม่งทั้งวัน ปวดกบาลมากๆ ผมว่ามันเหนื่อยกว่ามานั่งทำงานปรกติซะอีกนะครับ

ได้อู้สัมมนาไปทานseafoodมาด้วยนะครับ สองวันนี่ฟาดกุ้งไปตั้ง3โลกว่าแน้ ใจนึงก็อร่อย ใจนึงก็สงสารกุ้ง เพราะว่าที่ร้านล่อควักออกมาจากบ่อแล้วเอาไปปิ้งเลย ฮ่วย ไม่ต้องสดขนาดน้านก็ได้ม้างงคุณเพ่

เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยนะครับ ที่ผมรู้สึก"เอียนและเบื่อกุ้ง" (ไฮโซเมิ่กกก)ไปโลด...

ที่ประทับใจอีกอย่างนะครับ ไปพัทยงวดนี้ ผมมีโอกาสได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำและได้ทำมาก่อนในบรรพชาตินี้ แบบว่ากูอยากจะเก็บเอาไปโม้ให้ลูกหลานฟังเป็นเกรียติวงศ์ตระกูล(มึงจะมีเรอะฟระคะ ลูกเอยหลานเอย) (เอ๊ะ ว่าแต่อะไรฟระคะ 555)

อ้อ แล้วได้ไปลองร้าน ริมผา ลาภิน(หรือพินฟระ) มาด้วยนะครับ
บรรยากาศเริ่ด อาหารอร่อย ราคากระเป๋าฉีกกกกแต่พองาม สมราคาคุยจริงๆครับผม ยังไงใครผ่านไปก็เชิญไปลองกันดูนะครับ ร้านนี้อยู่บนหน้าผาและโค้งอ่าวพัทยาเลยครับผม

เจ้าของร้านคือคุณ linda crossนั่นเอง ประทับใจมาก เธอพูดไทยชัดเจนมากจนน่าตกใจ เพราะมันขัดกับหน้าฝรั่งของเธอนั่นเอง เบอร์ร้านนะครับ 038-235-515 ยังไงก่อนไป โทรไปจองกันก่อนนะครับ เพราะว่าเสาร์อ.คนจะเยอะมากๆ ผมต้องรอตั้ง5คิว รอจนกระเพราะครากไปโลดแน่ะคร้าบบ


อ่ะเข้าเรื่อง วันนี้มีเรื่องไอ้บู้มาเล่าให้ฟังกันครับผม

หลายท่านอาจจะคิดไปถึงว่า ไอ้บู้เนี่ย เป็นน้องหมาน้องแมว อีเก้ง เลียงผา สมเสร้๗ ช้างน้ำ โคนม สัตว์เลี้ยงในบ้านท่านแต่ประการใด ฯลฯ


ไอ้บู้ นางเอกของเรื่องนี้ คือ Toyota viosสีเงินคันงามของพี่ที่ทำงานคนสวยของผมนั่นเองครับ

พี่หนร. (หอยนางรม -นามสมมุติ)เพิ่งจะได้เปิดซิง น้ำ(มันเครื่อง)แตกกระจายน้องบู้เมื่อประมาณต้นปีทีผ่านมานี่เองครับ
ไอ้บู้ แต่มีพระนามเดิมว่าน้องบาร์บี้ ณ เชียงมุ้ง ครับผม บ.เราถอยน้องบาร์บี้ออกมาให้เป็นรถประจำตำแหน่งของพี่หนร.ครับ

เริ่มแรกพี่หนร.ค่อนข้างจะเห่อแดกกับนางสาวบาร์บี้มากมาย ว่างเมื่อไหร่จะต้องเป็นทาถู ทาถู ขัดเงา เข็ดโน่นนี่อยู่ร่ำไป

แน่นอนสิยะ เพราะน้องบี้เนี่ย เป็นรถใหม่คันแรกในชีวิตอิช้านนะเคอะ และอิช้านต้องใช้ไปอีกนานจวบจวนสิ้นรัชสมัยของดิ๊นที่นี่นะเคอะ

พี่หนร.เห่อขนาดที่ว่า แกเปรยๆ อยากจะเอาLancomeมาทาเคลือบเงาน้องบี้ให้มันรู้แล้วรู้แร่ดไป ลูกสาวชั้น สวยงามเปล่งกระกายรัศมีวีออสมากกว่าใครในสามหล้า...

ช่วงนั้นนะครับ แกบอกว่า ชีวิตแกเนี่ยโคตรสมบูรณ์พูนสุข ชีวิตอบอุ่นอย่างแรง แกมีทั้งลูกสาว คือน้องบาร์บี้ ณ เชียงมุ้ง และลูกชาย ชื่อ Lucky พันธุ์Goldenสุดหล่อวัยคะนองหนึ่งหนุ่ม พร้อมหน้าพร้อมเพรียมกันที่ฮวงซุ้ยประจำตระกูลบ้านแก


เวลาผ่านไป แตร่ง แตร๊งงง แตร๋งงงง....


ก็ไม่ทราบด้วยเหตุอาเพศประการใด อาจจะเพราะสีเงินของน้องบี้เนี่ย ไม่ถูกฉโลกกับพี่หนร. รึเปล่าก็ไม่ทราบนะครับ
น้องบี้ ทำความเดือดร้อนให้พี่หนร.อยู่เนืองๆ...

ในรอบสามเดือนถัดมา ผมได้รับแจ้งว่าน้องบี้เนี่ย ประสบอุบิติเหตุไปประมาณ5ครั้งได้ ด้วยเหตุสุดวิสัย ดังต่อไปนี้ แต๊นนน

โดนที่กั้น(ตอนจะจ่ายเงินออกจากที่จอดรถ)ฟาดหลังคาเอา ขับอยู่ดีๆ ก็ไปเสยฟุตบาทยางแตกซะงั้น เฉี่ยวกับอีแต๋นเอย ขับอยู่ดีๆหินที่ไหนไม่รู้ลอยมากระแทกบานหน้าวินาศทั้งบานบ้างเอย ฯลฯ

ด้วยความซวยซ้ำซ้อน ที่เหมือนน้องบี้จะพิการซ้ำซ้อนนี้ ชื่อพี่หนร.จึงอยู่ในblacklistของประกันภัยและบ.ให้เช่ารถอยู่กลายๆ
อะไรนะคะ คุณ หนร.ชนอีกแล้วเรอะคะ นี่คือประโยคติดปากที่ผมมักได้ยินอย่างสม่ำเสมอจากบ.บ้านใกล้เรือนเคียง



เมื่อเริ่มชนมากๆเข้า พี่หนร.ก็เริ่มที่จะวิตกจริต

อืม..มันเกิดจากอาเพศอันใดหนอ เพื่อความสบายใจ แกจึงตุเลงน้องบี้เข้าวัดรดน้ำมนต์หลายวัดเอาการอยู่...
แกบอกว่า ใจจริงแล้วนั้น แกอยากจะซิ่งตู้มมมมมลงแม่น้ำเจ้าพระยาแถวนี้ไปเลย ด้วยการที่ว่าแค่รดอาจจะไม่พอ แกจะเอาอาบ ล้างซวย ล้างซวย...
ดีที่หลวงพ่อหลวงพี่แถวนั้นถ่วงหม้อแกลงหม้อ(เอ๊ะ กูงง) ยับยั้งแกไว้ทัน...

ผ่านมาสองอ. แกเดินอาดๆเข้ามาโม้ให้ผมฟัง นี่ลิง ของเค้าดีจริงๆ น้องบู้ไม่ชนอีกเลยนะเว้ยหลังจากนั้น วะฮะฮ่า

ผมคิดยินดีในจิตไปด้วย เออ เรื่องพวกนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ พี่หนร.แกอาจจะไปทำอะไรผิดผีก็ได้ ถึงได้ชนกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ซะขนาดนั้น และมันก็ดีที่จะได้ไม่ต้องลำบากกรูเหนื่อยคุยกับประกันทั้งหลายด้วย

สามวันผ่านไป....

ณ เพลา 7 โมงเช้าเกือบจะ8โมง โทรศัพท์ของกระพ๊มดังขึ้น ผมรีบงัวเงียรับสายด้วยเกรียติภูมิพนง.ดีเด่แห่งปีของบ. (รางวัลสายทั้งปี)
พี่หนร.อยู่ในสายด้วยน้ำเสียงร้อนรนราวกับกำลังแช่spaในกระทะทองแดงเดือดพล่าน
ละ ลิง ช่วยพี่ด้วย แย่แร้น
อะ อะ ไอ ไอ้บี้ มะ มัน มัน เผือก...

ทำไมครับพี่ เกิดอะไรขึ้นครับ ใจผมหายแว๊บบ ตายแล้ว พี่หนร.ต้องรถชนใหญ่ตู้มต้ามเป็นข่าวหลายหน้าแน่นอน

อะ อะ ไอ ไอกี้ (กรูมิใช่สัตวแพทยสภานะเคอะ หมาไอ ทำไมไม่ไปหาหมอ)
เมื่อกี้ พี่กลับจากพาไอ้กี้เดินเล่น ไอ้กี้มันคึกยังกับหมาบ้า มันวิ่งร้อยเมตรด้วยสีหน้าแช่มชื่น ลิ้นห้อยเป็นเมตรเชียว เหิรรรรรรรรรรมาตู้มมมมมเป๊ะกับรถพี่
รถพี่บุบบบเป็นดวงเบ้อเร่อเลยว่ะลิ๊งงงงงง ทำไงดี๊ แง๊...


ห๊า อะไรนะครับ ไอ้กี้หมาพี่ เหิรมาชนน้องบี้ รถพี่บุบเรอะครับ!!?

ก็เมื่อกี๊น่ะ พี่เอาไอ้กี้มันเข้าบ้าน และกำลังเปิดประตูรถเก็บของเพื่อที่จะออกมาทำงาน

ทีนี้ ไม่รู้องค์อีเก้งชะนีผาที่ไหนลงไอ้กี้ มันโดดด๋องแด๋งไปมา นึกว่าพี่จะพาไปเที่ยวมั้ง
ตัวมันก็ไม่ใช่เล็กๆ มันกระโดดดดดดตู้มมมมมเข้าหาประตูบ้านหลังนี่บุบไปเลยง่ะลิ๊งงงง แถมบุบไปถึงตัวถังอีกตะหาก แง๊วว ทำไงดี พี่ต้องโดนนายสวดชยันโต โอ้โหซวยแน่มึงแน่ๆเลยง้า ง่า ง่า

ผมอ้าปากค้าง พลางคิดสะระตะ อืม ทำไงดีว้า ทำไงดี เรียกประกันดีแมะ แต่เอ จะบอกแม่งยังไงดี เขี้ยวแม่งงอกออกมาจากตูดซะขนาดนั้น มันคงเชื่อกรูหรอก
พี่คะ หนูขอแจ้งอุบัติเหตุค่ะ ชนเพราะอะไรครับ อ๋อออ เพราะหมาพุ่งชนค่ะ แต่ไม่เป็นไรนะคะ หมาตัวนั้นมันมีประกันชั้นสามค่ะ อืมม จะดีเรอะนั่น


เอางี้แล้วกันครับพี่ พี่เอารถมาที่บ.ก่อน เดี๋ยวผมจะช่วยดูนะครับ แล้วค่อยว่ากันว่าควรจะทำยังไงนะครับ

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวออกมารอพี่หอย ที่บ. ระหว่างที่รอนั้น ใจคิดว่า เออ คงไม่เป็นไรมากมั้ง แกน่าจะวิตกจริตเกินเหตุ เพราะตกใจหรืออะไรแบบนั้นไปก็ได้ อย่างมากมันก็คงมีรอบข่วนน้องหมาล่ะม้างงงง

ครึ่งชม.ผ่านไป พี่หอยมาถึง ผมเข้าไปดูรถ พร้อมร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ
เฮ้ยยย พี่ครับ นี่มันบุบบบเป็นดวงใหญ่มากเลยนะครับนี่ ยังกะโดน10ล้อชนเลยนะครับพี่ โอ้โห (เสียดายไม่มีภาพปลากรอบ)

เออสิวะอีลิง ไม่งั้นชั้นไม่เต้นตั้งแต่เช้าหรอกย่ะ แล้วนี่จะทำยังไงกันดี

เอางี้พี่ครับ มีสองทางนะ เราก็หลับหูหลับตาแจ้งประกันไป แล้วเสียค่าacceptเพราะไม่มีคู่กรณีไปไหมครับ 2-3พันเอง หรือว่าพี่จะรอชนครั้งหน้าแล้วค่อยเรียกซ่อมแม่งทีเดียวรอบคันไหมล่ะครับ เอาแบบนี้ดีกว่าเนอะ พี่จะได้มีรถใช้ และไม่เปลืองเงินด้วยเนอะครับ


หลังจากเหตุการณ์นี้มา ผมล่ะโคตรงงกับviosเลยครับ นี่โครงมันแสร้งว่าทำด้วยเหล็กหรือเปล่า แต่ความจริงมันคือพลาสติกแหงมๆ เล่าให้ใครฟัง ขำกันทั้งบางเลยครับผม หมาชนทีviosบุบสิ้นสภาพขนาดนี้ แล้วยังงี้ เวลาชนจริงๆ มันจะไปปกป้องอะไรเราได้เนอะครับ


อย่างไรก็ดี ผมเปลี่ยนความคิดนี้ อีกไม่นานต่อมาครับผม

พี่หอยลาพักร้อนครับ ระหว่างที่แกหยุดนั้น แกมีเหตุจำเป็นที่จำต้องเอาน้องบี้ให้พี่เซลล์อีกคนนึงใช้ในงานราชการครับผม

ด้วยลักษณะงานขายน้ำเมาของบ.ผมนั้น ไซด์ปฏิบัติงานมันจะเป็นที่ไหนได้นอกจากผับ และสถานที่เที่ยวกลางคืนใช่ไหมครับ

กลางดึกคืนหนึ่ง พี่เซลล์คนนั้น ขับออกจากRCAตีสามกว่าๆ

ขับไปขับมา นางสาวบาร์บี้เป็นอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ





แกบอกว่าแกหลับใน ระหว่างที่วูบไปนั้นแกขับด้วยความเร็ว120กว่าๆ ทีนี้ดันไปเสยท้ายรถ10ล้อเข้า
โชคดีที่แกไม่เป็นอะไรมาก แต่ฟกช้ำดำเขียวเล็กน้อยครับผม แต่ที่ไปไม่กลับหลับไม่ตื่นเลยก็คือน้องบี้ลูกสาวคนสวยของพี่หนร.นั่นเอง
ผมวิ่งเต้นเคลียร์โน่นนี่วุ่นวายไปหมด เพราะชนแรงมาก เรื่องไปถึงตำหนวดโน่นนะคร้าบบบบ


ผมเห็นภาพแล้ว โอ้โห พี่เคอะ ห้อยพระอะไร เดี๋ยวดิ๊นจะไปหามาห้อยบ้าง รอดมาได้นี่เฮงเมิ่กค่า
มันก็น่าประหลาดใจนะครับ vios ที่หมาบินมาชน บุบบี้ซะขนาดนั้น มันช่วยชีวิตเราได้ในความเร็วตั้ง120กม.แน่ะครับ

สรุป น้างบี้คนงามของพี่หอย ก็มีอันเป็นไป โดนขายเป็นซากไปครับผม

วันถัดมา พี่หอยกลับมาจากพักร้อน เห็นลูกสาวบี้สุดที่รักเข้า ลมแทบจับ
แล้วก็เลยเปลี่ยนเป็นไอ้บู้ ด้วยประการนี้ล่ะครับ...

Wednesday 17 September 2008

เรื่องเล่าแถวที่ทำงาน

วันนี้ยุ่งมากมายครับ แต่อย่างไรก็ดี ระหว่างที่กระพ๊มเดินฉวัดเฉวียนเวียนไปมาในบ.นั้น
ได้ยินแว่วๆ น้องแจ๋มโอเปอเรเตอร์หน้าแฉล้ม กำลังเมาท์อะไรอย่างเมามันส์กับป้าเล็กแม่บ้าน(เจ้าเดิม) อีกแล้วครับท่านผู้โชมม

นี่คือใจความที่กระพ๊มถอดรหัสลับมาได้นะครับ ต่างคนต่างพูดด้วยความเร็วสูงในสปีดที่มนุษย์มิอาจได้ยิน เพราะเวลาในการเมาท์น้อย ยุ่งทั้งคู่ไงครับ
คนนึงก็เสริร์ฟน้ำเป็นระวิง อีกคนก็รับโทรศัพท์ เฮ้อออ... - -"

แจ๋มบอกว่าแจ๋มกลัวที่จะอยู่หอพักแถวนี้แล้วครับผม
เพราะว่า นอกจากแถวนี้อุบัติเหตุมันจะเกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมอเตอร์ไซค์หรือรถเครื่องที่เธอต้องนั่งกลับหอทุกวัน
มันยังมีข่าวไม่ค่อยดีเกี่ยวกับอาชญากรรมในพื้นที่ด้วยล่ะครับ

จากประสบการณ์ตรงของผมนะครับ แถวนี้รถชนบ่อยมากๆๆๆๆๆๆ และชนแต่ละทีนี่โอ้โห ไปหยอดน้ำข้าวต้มในโลงกันได้เลย ไม่คางเหลืองก็ซ่อมทั้งตัวนั่นล่ะครับ

เพราะว่าถนนแถวนี้นั้น "มาร"แห่งท้องถนนมันมาสุมรวมกันบนถนนแคบๆหน้าที่ทำงานผมนี่ล่ะ...
อะไรที่คนขับรถอย่างเราๆท่านๆไม่พึงประสงค์ทั้งหลาย มันมาอยู่แถวนี้หมด

กระบะเอย หกล้อเอย สิบล้อเอย มอเตรอ์ไซค์เอย ซ่อมถนนเอย รถขุดดินเอย ปั้นจั่นเอย ฯลฯ คุณสามารถหาได้บนถนนเส้นนี้ล่ะครับ
และก็เป็นที่รู้กันนะครับ ว่าคุณท่านพวกนี้น่ะ ขับรถกันได้ ขนพองสยองเกล้าและบรึ๋ยยยยกันขนาดไหน

อย่างวันนั้นนะครับ ผมขับรถกลับบ้านในเวลาโพล้เพล้ ไฟถนนก็ไม่ค่อยจะมี สิบล้อเต็มถนนเลยครับ มอไซค์นี่ไม่ต้องพูด เพียบไปโลดดด เพราะว่าเป็นเวลาหลังเลิกงาน
วันนั้นผมตั้งท่าจะกลับรถ อยู่ดีๆ ได้ยินเสียงดัง โครมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม เบ้อเริ่ม มาจากไหนไม่ทราบได้ แต่ได้ยินเสียงใกล้มากๆ
ผมกันซ้ายหันขวาหาต้นตอของเสียง.....ไม่เจอ

ซักพักนะครับ ผมได้ยินเสียงอะไรกุ๊กๆกั๊กๆอยู่ข้างรถ ผมสังหรณ์ใจอะไรไม่รู้ เอื้อมตัวไปดูอีกฟากของรถ
เจอต้นตอของเสียงจนได้...

ผมเห็นซากมอเตอร์ไซค์อยู่อีกสองเลนถัดไป..หากแต่ไร้เงาคนขับ

เคราะห์ดีมาช่วยไว้...ยังไงรู้ไหมครับ
ผมสังหรณ์ใจ เปิดประตูเดินลงไปดู
เห็นคนขับมอเตรอ์ไซค์คันนั้น นอนแอ้งแม้งอยู่ใต้รถผม เลือดงี้อาบท่วมมมมไปหมด
ที่สำคัญ หัวแกอยู่ติดกับล้อหลังผมครับ

วันนั้นนะครับ ผมอยากจะไปรดน้ำมนต์ซัก56วัด (คุ้นๆไหม555)
นี่ถ้าวันนั้นผมไม่ลงไปดู โอ๊ยยยย ไม่อยากจะคิด อะไรจะเกิดขึ้นหนอ นรกแตกแน่นอนครับผม
ผมต้องทับผู้ชายคนนั้น สมองเละแน่นอน โอร้ววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว


อ่ะกลับเข้าเรื่อง หลังจากไปเยี่ยมเยียนประเทศเพื่อนบ้านมานานสองนาน
แจ๋มเธอเช่าหอพักอยู่ในซอยแถวๆนี้ใกล้โรงงานครับผม
หากใครเคยผ่านมาแถวนี้คงทราบกันดีนะครับ ว่าแต่ละซอยนั้นมันดูลึกลับ มืด และโคตรจะเปลี่ยวขนาดไหน
แจ๋มเล่าว่า ในซอยหอที่เธอพักอยู่นั้น ในช่วงอ.ที่ผ่านมา มีข่าวคดีฆ่าข่มขืนสองรายติดเข้าไปแล้ว
เหตุการณ์แต่ละอย่าง ฟังแล้วมันช่างน่าหดหู่ใจครับ....

ซอยทีเธออยู่นั้น ลึกมากครับ และท้ายๆซอยนั้นมันจะไม่มีไฟ หากแต่มีบ้านคนอยู่บ้างประปราย
เหตุการณ์แรกนั้น สาวโรงงานคนนึงนั่งซักผ้าอยู่หลังบ้านเวลาโพล้เพล้
ปรากฏว่า มีผู้ชายจำนวนนึง บุกเข้ามาฉุดสาวคนนั้นออกไปจากบ้านครับ
ไปทำอะไรคงไม่ต้องบอก
เวลาผ่านไปสามสี่วัน ตำรวจผ่านไปแถวนั้น เจอหญิงสาวคนนี้ ถูกปาดคอและจมอืดอยู่ในคูในซอยนั้น...


อีกเหตุการณ์นึง เกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากนั้นถัดมา ที่ซอยเดิม
เด็กนร.คนนึง กำลังเดินเข้าซอยเพื่อจะกลับบ้าน ปรากฏว่าระหว่างทางนั้น มีผู้ชายจำนวนนึง(ไม่รู้แก๊งค์เดียวกันหรือเปล่านะครับ) พยายามจะฉุดเด็กสาวคนนั้นไป.......
ปรากฏว่าแม่ของเด็กผ่านมาพอดี แม่ของเด็กเลยวิ่งเข้ามาช่วย และอ้อนวอนให้คนร้ายนั้น อย่าทำอะไรลุกสาวเค้า ให้เอาแกไปแทน

คนร้ายนั้นยอมปล่อยเด็กไปตามคำขอของแม่เด็กครับ และพาแม่ของเด็กคนนั้นไป....แทน
แม่ผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น หายไปนานหลายวัน และถูกพบเป็นศพถูกปาดคอเช่นเดียวกัน...


ผมฟังแล้วใจหายแวบบบ...
โอ้โห ไม่ว่าเรื่องเล่าปากต่อปากนี่มันจะจริงหรือถูกบิดเบือนไปยังไงอ่ะนะครับ
แถวนี้นี่นี่มันอันตรายขนาดนี้เชียวหรือนี่ และนี่มันประเทศไทยเมืองพุทธแน่หรือ...

ผมฟังแล้วได้แต่บอกแจ๋มว่า เออย้ายเหอะเอ็ง ย้ายไปไกลๆหน่อยเห้อออ
เสียเงินมากหน่อยวะ ยังดีกว่าอยู่ไม่สุขแบบนี้นะว้อย

พี่ เงินเดือนหนู9พัน ค่าหอที่มันดีหน่อยก็3000กว่าบาทไม่รวมน้ำไฟเข้าไปแล้ว หนูจะไม่พอใช้เอาอ่ะพี่

อืม...ฟังแล้วเห็นใจเนอะครับ คนเรามันเลือกอะไรยากจริงๆ การที่เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ เงิน มันมีปัจจัยอย่างมากมายจริงๆ

เอาเถอะนะครับ ฟังหูไว้หู ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเล่าที่ผ่านการบิดเบือนมาแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ เราจะได้พึงระวังตัวไว้เนอะครับ

Tuesday 16 September 2008

ความหวังคนจน

ในที่สุด...วันชาติของพวกเราเหล่าคนจนก็แวะเวียนมาถึงจนได้นะครับ

วันนี้ วันที่16....
แน่น๊อนนน มันจะเป็นวันอะไรได้ วันครบรอบอะไรแบบพี่ตั๊กพี่นก คุณพัชน้องแอน อะไรแบบนั้นน่ะเรอะครับ ม่ายยมี๊ (แซวเล่นด้วยความเคารพรักนะคร้าบบ)
อยากจะลงไปนอนดิ้นๆ(เอ๊ะ ตำรวจจะมาจับฐานอนาจารไหม กรูก็เกิน16มาหลายปีดีดักแร้น) ด้วยไฟราคะ อิจฉาและริษยาสุมทรวง

หลังจากพล่ามมานาน เออ..วันนี้...วันหวยออกไงครับ


เนื่องด้วยพักนี้ กระพ๊มกรอบแกรบยังกะอะไรดี สับประแด๊กหญ้า(ถูกกว่าแกลบ) มาได้หลายวันดีดักแล้ว
ค่านมลูกก็ไม่คอยจะพอ ไหนจะค่า มน. มล. อตก. อบต. ปปง. ฯลฯอะไรทั้งหลายอีก
ในวันพิเศษที่แวะเวียนเข้ามาเช่นนี้...ผมหาทางออกโดยการ ซื้อหวยยยยยยยยยยยย หรือสลากกินแบ่งกะรัฐบาลนี่ล่ะครับ

วันก่อนโน้นนนนนะครับ กระพ๊มนอนหลับฝันไป....
ฝันเห็นหญิงสาวนางนึง ถือป้าย "57" เดินวนไปวนมาในความฝันของผม

ตื่นมา...ผมไม่สนว่ามันมีนัยยะสำคัญอะไร รู้แค่ว่า กรูจะเอาไปซื้อหวยยยยแน่น๊อนนนนนนน วะฮะฮ่า
เมื่อประกอบกับเวลาที่ผมฝันนั้นเป็นเช้าวันอาทิตย์เวลาย่ำรุ่ง ผมจึงยิ่งมั่นใจเข้าไปอีกว่า...
สาวน้อยบ้างใหญ่บ้างนางนั้น...ต้องมาให้ฝันแน่น๊อนนน วะฮะฮ่า ฮ่า

หลังจากได้เลขมาจากในฝันแล้ว ผมเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการตีหวยทันที
อืม..แม่น้องสองเคยบอกเอาไว้ลางๆนี่หว่า หากฝันเห็นผู้ชายให้เอาเลขนั้น -1 ฝันเห็นผู้หญิงให้+1
และที่สำคัญ จะให้ขลังอ่ะนะ ห้ามบอกใครเด็ดขาดดด เพราะมันจะไม่มีทางถูก
ทางที่เซียนๆหวยเค้าทำกันนั้น หากมีเลขเด็ดจริงๆเนี่ย เค้าจะเขียนใส่กระดาษกัน แล้วยื่นให้เจ้ามือแทงหวยเลย

ผมทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด เพื่อเงินเอื้ออาทรจากรัฐบาล เอาวะ...เก็บไว้เป็นค่าผลิตนมเมีนน้อยคนที่สามก็ยังดีฟระ...

ผมสืบทราบมาว่า แม่ของไอ้ลูกน้องในแผนก เปิดโต๊ะรับแทงหวยครับผม (ผิดกม.นะฮร้า เยาวชนโปรดอย่าทำตาม)
ผมไม่รีรอรีบให้มันโทรไปแทงกับแม่ทันที เอาไปเลย อิช้านทุ่มสุดตัวหมดหัวใจ ตัวละ50บาท กรูจะรวย ไม่ต้องรอกองทุนหมู่บ้านรัฐบาล..

หลังจากแทงเสร็จ ใจกระพ๊มนั้น ลอยไปหาiPodเอย PS3เอย เรียบร้อยแร้นทั่นผู้โชมมมมมม
กรูจะรวย กรูจะรวย

จากหลักการข้างต้น 57+1 มันควรจะเป็น58ถูกไหมครับ หากแต่ผมกันเหนียว เอาวะ แทงมันทั้ง 57 58เลยแล้วกัน
เอ...หรือเราจะแทง56ไปด้วยเลยวะ เผื่อเอาไว้ เออ..แต่ช่างมันเหอะ


มาวันนี้ ผมนั่งพับเพียบ(จะได้ดีใจแบบเรียบร้อยๆ กุลสตรีนไงคร้า)รอหวยออกด้วยใจระทวยตั้งแต่เช้าครับผม
มันต้องถูก มันต้องถูก เราจะรวย วะฮะฮ่า


ณ เวลาบ่ายสามโมง ผมลงไปทำงานที่สโตร์ข้างล่าง ใจนั้นหมายมั่นว่า อิช้านจะรอเบิกฤกษ์สวยๆ ขึ้นไปเช็คหวย...
คนขับรถสิบล้อเดินผ่านมา
แม่งเอ๊ยยย ถูกแดกอีกแล้วว่ะ ออก 377กับ56 (ขอบคุณคุณแนทนะคร้าบ)

หา... 56 56 56 56 56 56 56 56
สติผมดับวูบ....อะไรคือ 56คะ?

โอ้ มาย ก๊อดดดดดด โอ้แม่เจ้า โอ้พระเจ้าจอร์จ พระเจ้าเหา มันออก56 แต่อิช้านซื้อ 57 กับ 58
องค์เปรตอิช้านอยากจะกรี๊ดให้ไหหมักเบียร์แตกไปโลดดดดด
โอร้ววววววววววววว iPod PS3 ค่าผลิตนมเมียน้อย ค่าฯลฯของอิช้านนนน ฮือๆ T___T

ผมโทรไปวี๊ดบึ้มไปแม่ฟัง
แม่หัวเราะ พร้อมบอกว่า โถ่เอ๊ย ลิงเอ๊ย
ถ้าฝันเห็นผู้หญิงน่ะ ต้อง-1ตะหาก ส่วนผู้ชายต้อง+1 เอ็งน่ะจำผิดแล้วล่ะลูก...


วางสายจากพระแม่ไป ...ผมอยากจะวิ่งไปเอาไม้ขัดส้วมมาถูฟันขัดความโง่ของตัวเองให้มันรู้แล้วรู้แร่ด....



ด้วยความผิดหวัง...ผมตาลอยขึ้นมาที่ห้องทำงาน ไอ้กวางลถกน้องหัวเราะคิกคักเมื่อเจอหน้าผม
นี่เจ๊ เจ๊รู้ป่าว ตะกี้อาแปะโทรมา ถากถางเจ๊ใหญ่เลย แกดีใจที่เจ๊วืด แกไม่อยากให้แม่แกจ่ายอาน
ส่วนของหนูนะ หนูก็วืดล่ะเจ๊

เมื่อเช้าแม่หนูโทรมาบอกหวยเหมือนกัน แม่แกฝันเห็นเต่าตีลังกา บนท้องเต่ามีเลข66อยู่
แม่แกตีหวยเป็นไปว่า เฮ้ยมันควรจะออกตรงๆ เพราะว่า เต่านั้น มันแบบส่วนท้องให้เห็นเลย ดังนั้น หนูเลยซื้อ66ตามแม่อ่ะเจ๊
ที่ไหนได้...หนูล่ะโคตรเสียดายเลยเจ๊ เพราะเต่ามันนอนหงาย ก็เท่ากับมันนอนคว่ำอยู่ใช่ไหมเจ๊
หนูก็ควรจะสลับเลข และที่สำคัญ หนูลืมถามแม่ว่าเต่าตัวนั้นเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย หนูจะได้-1ได้ถูก

ผมฟังแล้วมึนตึ๊บ...เอิ่ม กวางเอ้ยย พี่ว่าอย่างเอ็งเนี่ย มันไม่ได้เฉียดแล้วว่ะ ตีหวยยากขนาดนี้ อย่าลำบากเลยน้องเอ๊ย
ต้องดุเพศของเต่าด้วยเรอะ อืมพี่เพิ่งรู้

สรุป...ดิ๊นอยากจะร้องเพลสรรเสริญกองสลากและความโง่ของตัวเอง....ดังนี้
กรูเกลียดกองสลากกกกก
กรูเกลียดสลากกินแบ่งรัดท๊ะบ๊านนไอ้หมัก
กรูเกลียดมึ๊งงงงงง
เ อาเงินกรูคืนม๊า อ๊า อ๊า.....

Monday 15 September 2008

หมอตู่

สวัสดีวันจันทร์ครับผม



หากใครจำไดบรรพชาติของกระพ๊มได้ ทั่นผู้โชมมมคงจำกันได้นะครับว่า..

กระพ๊มนั้น บ้าดูดวงมากกว่าไผในสามโลก...



ที่ไหนใครว่าแม่น อิช้านน้าน จะถ่อไปดู แม้ว่าจะต้องถีบซาเล้ง แจวเรือ หรือดำดินไป

อิช้านก็จะไปดู....



จะให้แหกขา แหกรูตูด รูทวาร ตีลังกาดูดวงกันท่าไหน ศรีทนด้าย แอนด์จำยอมทุกกระบวนท่า...



นิสัยบ้าดูดวงนี้ กระพ๊มต้องบอกว่า ได้มาจากบิดรมารดาของกระพ๊มนั่นเองครับ

ยิ่งโดยเฉพาะแม่กระพ๊มแล้วไซร้...เรื่องไหว้เจ้า ดูดวง เสริมบารมี ฯลฯ อย่าให้ได้ยินไปถึงพระกรรณ...

เพราะชีนั้น...จะตามไปดู...





เมื่อวันก่อน ผม แม่ และป๊าไปดูดวงกันมาครับ

สาเหตุมาจากเพราะว่าแม่ผมนั้นไม่สบายใจกับเหตุการณ์ประหลาดๆที่เกิดขึ้นกับแม่



แม่ชี้ชวนให้ผมสังเกตุ ตอนแรกๆผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อ



ทุก4เดือน นั่นคือเดือน 3 7 11

มันจะมีเรื่องทุกข์ใจเกิดขึ้นกับแม่ และมันแปลกที่ มันจะเกิดขึ้นตามเดือนเหล่านี้จริงๆครับ

ทุกๆสี่เดือน แม่จะมีเรื่องให้ต้องเสียน้ำตา เสียใจ แม่รู้ได้ เพราะเหตุการณ์ที่ไม่ดีนั้น เกิดขึ้นต่อเนื่องกันทุกสี่เดือนมาเป็นปีแล้ว ยกตัวอย่างเหตุการณ์ปีที่แล้วนะครับ



เดือน11ปี 06 อากง(ปู่)เสีย

เดือน 3 ปี07 อากง(ตา)เสีย

เดือน 7 ปี07 โมจิตาย

เดือน11 ปี 07 ปลาคาร์ฟไซส์บิ๊กเบิ้มที่อุตส่าห์เพียรเลี้ยงกันมาตั้งแต่ตัวไม่กี่นิ้ว ตายเกลี้ยงบ่อ เพราะบ.ฆ่าปลวก ดั๊นนนไปฉีดยาผิดที่ มึงใช้บูรพาจารย์ควายที่ไหนมาฉีดฟระ มันฉีดยาฆ่าปลวกลงบ่อน้ำ



เดือน3ปี08 ยุ้ยเป็นมะเร็ง

เดือน7ปี08 พี่รวง พี่คนงานที่แม่แสนรัก ทำงานให้บ้านเรามาตั้งแต่ผมยังไม่เกิด ลาออก



ดูจากลิสต์เหตุการณ์ข้างต้น ผมว่ามันไม่มีทางบังเอิญแล้วล่ะครับ

แม่ผม ตอนแรกก็ยังไม่ได้สังเกตุเหตุการณ์แปลกๆนี้ แต่ว่าพอมันเกิดขึ้นบ่อยเข้าๆเป็นรอบๆ แม่ผมจึงสังเกตุขึ้นมาครับ





ดังนั้น...ประเด็นที่เราไปถามหมอดูคือ เดือน11ปีนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นอีกหนอ? แม่ผมกังวลไปล่วงหน้ามากมายแล้วล่ะครับ



อ.ที่เราไปดูด้วยนั้น จะเรียกว่าเป็นหมอดูสามัญประจำบ้านเราเลยก็ได้

หมอดูท่านนี้ ชื่อว่าอ.ตู่ครับ ดูแม่นมากมายและดูดวงบนพื้นฐานของโหราศาตร์อย่างแท้จริง

ไม่มีเดา ไม่มีมั่ว ผมทราบเพราะว่าด้วยความที่ผมดูดวงเป็น ผมถามอะไรทางวิชาการแกไป แกตอบได้อธิบายได้เป๊ะๆ





ยังไงก็ขอโฆษณาไว้เลยแล้วกันนะครับ เผื่อมิตรรักแฟนเพลงทั่นไหนสนใจไปดูดวง

เพื่อนๆผมหลายคนแห่กันไปดูตามที่ผมแนะนำ บอกคำเดียกวันว่า "แม่นเมิ่กกก"



หมอตู่ดูอยู่ที่จัสโก้ คลองตันนะครับ จะไปดูต้องโทรนัดก่อน เบอร์ 081-626-1415 ค่าดูครั้งละ500บาทครับผม





แม่ผมให้หมอตู่ดูดวงเราทุกคนในบ้านเลยครับ เพราะแกกังวลว่าเราจะมีอะไรร้ายๆรออยู่หรือเปล่า

ปรากฏว่า ที่น่าเป็นห่วงคือ สุขภาพของพ่อครับ





คุณพ่อของผมนั้น ไม่สบาย มีหลายโรคมากมายครับ ที่หนักหนาที่สุดคือ โรคหัวใจ

รองๆลงมาคือ เบาหวาน ความดัน เกาท์ ฯลฯ

เมื่อปีที่แล้ว คุณพ่อของผมผ่าตัดหัวใจไปสองรอบครับ

คุณหมอตู่ทัก เออ นี่ สุขภาพยังไม่ค่อยดีนักนะ มันยังไม่จบ ถึงแม้ว่าจะผ่าตัดไปแล้วอ่ะนะ

ที่น่าห่วงคือ ปีหน้า อาการจะหนักขึ้นมากๆ มันมีทางแก้นะ เดี๋ยวอีกไม่นานนี้มันจะมีสัญญาณอะไรแปลกๆนะ

ให้ไปหาหมอเลย

เพราะนั่นล่ะ มันจะเป็นสัญญาณของอาการโรคที่มันจะหนักหนามาก

หากรีบไปหาแต่เนิ่นๆ มันจะช่วยผ่อนได้นะ

ผมฟังหูไว้หู เพราะไม่อยากให้ตัวเองเครียดมาก ในใจคิดว่า เออวะ ดูกันไป ถ้าแม่นจริง เดี๋ยวเราก็จะได้เห็นกันเองล่ะนะ

มาวันนี้....เกิดเหตุกาณ์อย่างที่หมอตู่ทายไว้จนได้ครับ

เพราะเมื่อคืนผมไม่ได้กลับบ้าน ผมจึงไม่ทราบเรื่องจนเมื่อตะกี๊

เมื่อเช้านี้ ป๊าตื่นขึ้นมา และรู้สึกมึนหัวติ้วๆมากครับ

ด้วยความที่ป๊าเป็นคนค่อนข้างดื้อ ป๊าคิดว่าเออมันไม่เป็นอะไรมั้ง สงสัยคงนอนไม่ค่อยพอ

ป๊าฝืนลุกไปเข้าห้องน้ำ ด้วยอาการมึนหัวแบบนั้น

และ...ป๊าเกือบล้มในห้องน้ำครับ

ดีที่คว้าอะไร พยุงตัวเองไว้ได้ทัน

พรุ่งนี้ป๊าจะไปหาหมอแล้วครับ กันเอาไว้ก่อน แกไม่สบายใจกับอาการมึนหัวติ้วๆแบบนั้นน่ะครับ

ไม่เชือ่ก็ต้องเชื่อหมอตู่ทายแม่นจนน่ากลัวจริงๆครับ

ผมรู้เรื่องแล้ว บอกได้คำเดียว เก๊กซิมครับ มันห่วงไปซะหมด และคิดกลัวคำทำนายที่ไปดูมาไปเลย

เพราะมันมีอะไรมากมายกว่านั้นที่หมอตู่เคยทำนายเอาไว้ และบอกแค่ผมคนเดียว...

จนวันนี้..ผมเฝ้ารอดู ว่ามันจะยังไง

และ...ผมไม่เคยกล้าจะบอกแม่

สำหรับคราวนี้..ผมว่าดีนะครับที่ได้ไปดูดวง

เพราะมันทำให้ป๊าระวังตัว และยอมไปหาหมออย่างพูดง่ายครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เอาช้างมาฉุดยังไม่ค่อยจะยอมไปเลยครับ

ส่วนเรื่องราวของผม เค้าทายถูกหลายเรื่องเลยล่ะครับ

เค้าบอกว่า ผมน่ะจะมีโรคจุกจิก อ้อ ตอนนี้น่ะ ให้ระวังพวกโรคผื่นคันยุบยิบอะไรแบบนั้นไว้หน่อยนะ (ตู๊ดไงคร้าบบ)

อ้อ..แล้วเค้าทายเรื่องสำคัญไว้ด้วยนะครับ

ปีหน้า ผมจะเลิกกับน้องหนึ่งถาวรครับ...เราสองคน จะไม่ได้เป็นอะไรกันอีกต่อไป

ก็รอดูกันไปเนอะครับ

ส่วนเรื่องที่แม่กังวล หมอตู่บอกว่า ที่มันเกิดทุกสี่เดือนแบบนี้ เพราะว่าดาวพุธย้ายเรือนครับ มันเลยทำให้มีเหตุการณ์อะไรไม่พึงประสงค์แบบนี้

ดาวพุธย้ายเรือนทุกสี่เดือนครับ

เพี้ยง ขอให้เดือน11 ไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นด้วยเถอะ...

Saturday 13 September 2008

มึน...

เมื่อปลายอ.ก่อน อีกหนึ่งวันทำงานอันแสนธรรมดา...โทรศัพท์ของผมดังขึ้น


ผมพลิกดูมือถือ...เพื่อจะดูเบอร์ที่โทรเข้ามา ซึ่งผมทำเป็นปรกติทุกครั้งที่มีสายเข้าครับ


สายนั้นไม่ปรากฏเบอร์ Private no นั้นขึ้นที่หน้าจอครับ





ผมรีบรับสาย ใจนั้นคิดไปว่า น่าจะไปยุ้ยโทรมา เพราะเวลาสายเมืองนอกโทรเข้ามา มันจะเป็นwitheld หรืแprivate หรือเบอร์อะไรแปลกๆแบบนี้นั่นล่ะครับ





ผมรับสาย สวัสดีคร้า


ปลายสายเป็นเสียงที่ผมไม่คุ้นเคย ตอบกลับมา สวัสดีค่ะ ขอสายพี่ลิงค่ะ


ผมงง อ้อ ค่ะ รับสายค่ะ จากไหนคะ





เอ่อ หนูชื่อฝ้ายค่ะ พี่ลิงไม่รู้จักหนูหรอก หนูเคยเจอพี่ที่เที่ยวน่ะค่ะ พี่จำหนูไม่ได้หรอก


ว่าแต่พี่ลิงมีแฟนหรือยังคะ


ผมงงหนักเข้าไปอีก อ้อ มีเอ๊ยไม่มี เอ้ยมีแล้วครับ





หนูรู้อยู่แล้วล่ะค่ะ แต่หนูก็อยากคุยกับพี่น่ะค่ะ


หนูมีแฟนอยู่แล้วเหมือนกันค่ะ พี่เค้าเรียบร้อยเป็นคนดี แต่หนูก็อยากคุยกับพี่


เอาตรงๆเลยนะคะหนูอยากมีกิ๊กเพิ่มน่ะค่ะ แฟนหนูเค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย





ผมอ้าปากค้าง ไม่รู้จะตอบประการใดดี


อ้อ ครับ ครับ เอ่อ แล้วน้องเอาเบอร์พี่มาจากไหนอ่ะครับ เพื่อนพี่คนไหนให้มาเอ่ย อ้อ ไอ้เก๋เจ้าแม่แดนซ์ฟลอร์ให้มาใช่หรือเปล่าครับ พักหลังนี้ พี่ก็ไม่ค่อยได้ไปไหน ไปแต่กับเก๋นี่ล่ะครับ

ไม่ใช่ค่ะ พี่อย่าพยายามเดาเลย ไว้หนูจะโทรไปใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ


เธอวางไปสายไปพร้อมกับความมึนของผม เออ ไอ้เชรี้ยตัวไหนซักตัว มันต้องส่งไผมาแกล้งกรูแน่ๆ

ผมไล่โทรหาไอ้เพื่อนทั้งหลาย มันก็ไม่มีใครยอมรับว่า ใครกันแน่ที่โทรไป แถมผมยังโดนหัวเราเยอะกลับมาอีกต่างหาก



ผ่านมาสองวัน น้องฝ้ายเงียบหายไป ยิ่งทำให้ผมมั่นใจ เออ..กรูนี้โดนแกล้งแน่ๆ
ดีนะ..ไม่ปล่อยไก่ออกไปเยอะนัก ฮ่าๆ...




วันนั้นผมมาทำงานตามปรกติ ผมกลับมาที่โต๊ะทำงานเห็นโทรศัพท์เบอร์แปลกๆโทรมาและผมไม่ได้รับสาย
ผมจึงโทรกลับไป เพราะนึกว่าลูกค้าโทรมาอ่ะครับ
ปลายสายที่รับเป็นผู้ชาย สอบถามได้ความว่า เป็นโทรศัพท์กลางของบ.อะฮร้าศรี เน็ตเวิร์ค

ผมนั่งคิดเอ... บ.นี้มันคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินมาที่ไหน
อ้อ ผมรู้แล้วบ.ของน้องฝ้ายนั่นเอง...

บ่ายนั้นเธอโทรกลับมาอีกรอบครับ ผมกำลังรออยู่เชียว ผมอยากรู้ว่าเธอเป็นใครหนอ และใคร?ที่ส่งน้องฝ้ายมาแกล้งผม

เธอหัวเราะคิกคัก พี่ พี่อย่าพยายามเดาเลย ว่าหนูเอาเบอร์พี่มาจากใคร เพราะพี่เดาไม่ถูกหรอกนะคะ
เออ... หนูขอถามพี่หน่อยนะคะ

หากแฟนหนู เป็นเพื่อนพี่ เอ่อ ไม่ใช่ค่ะ เป็นคนรู้จักของพี่น่ะค่ะ พี่จะคบหนูไหมคะ

ผมทวนคำ หา? เพื่อนของผมเป็นแฟนของน้องฝ้าย?
โอร้วววว มีนตรึ๊บบบบบบบ แฟนใครกันฟระ ผมยิ่งมั่นใจ เออ...กรูโดนแกล้ง ไอ้ไมค์แน่ๆ

และแฟนหนูนะคะ เค้าอนุญาติให้หนูน่ะโทรหาพี่ได้ด้วย
เค้าไม่ว่าอะไรค่ะ หากหนูจะมีกิ๊กเป็นพี่


ผมตบหน้าผากดังป๊าบบบบบบบบ.....โอร้วแม่เจ้า เราสามคน...ยิ่งผมเป็นเพื่อนกับแฟนเธอด้วยแล้วล่ะก็
แค่คิดมันก็อลเวงแล้ว


เอ่อ พี่คงไม่สะดวกคุยอ่ะครับ น้องฝ้ายนึกออกไหมครับ คือเค้าก็เป็นเพื่อนพี่ด้วย พี่ถือคติ ของๆเพื่อนเราอย่ายุ่งเด็ดขาดเชียวล่ะครับ

ไม่ใช่นะคะ ป้อมว่า....นะคะ


เธอหลุดชื่อจริงของเธออกมาครับ อ้อ สรุปเธอชื่อน้องป้อม
ผมนั่งนึก ป้อม ป้อม ป้อม ใครกันหนอ....


หลังจากหลุดชื่อจริงออกมาแล้ว เธอรีบวางสายไป ผมยังนั่งคิดต่อไป...
ใครกันหนอ...ป้อม

ผมกระจ่างขึ้นมาทันที...น้องป้อม แฟนพี่โอ ที่บ.นี่หว่า!!
วันนั้นเราไปเลี้ยงสังสรรค์กันมาครับ ผมเจอน้องป้อมหลายครั้งแล้ว เพราะพี่โอนั้น เป็นพี่ทอมในบ.ที่ผมสนิทด้วย และดีลงานกันบ่อยๆ


ผมนั่งตาเหลือก....ชิบหอยแร้นนนนนนนน
นี่มันแฟนพี่...โอร้วววววว นี่กรูปล่อยหม้อชนิดไหนออกไปบ้างเนี่ยยยยยยย โอรกก....
หากเกิดเหตุผิดใจอะไรขึ้น มันจะลำบากใจมากๆ แล้วนี่พี่โอรู้ไหมหนอ แล้ว แล้ว แล้วฯลฯ


อีกใจนึงคิด อืม...หรือว่าพี่โอจะให้น้องป้อมโรมาแกล้งผม แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย เพราะว่าพี่โอนั้น เป็นคนนิสัยจริงจังและเป็นทอมชราที่สุขุมมั่นคงแล้ว
มันคงไม่ใช่อะไรแนวนั้นหรอกเนอะครับ

ในใจคิด เออ..เราก็บอกเค้าไปแล้วว่า คุยไม่สะดวก คุยไม่ได้ เค้าคงไม่โรมาอีกแล้วมั้ง


ผมคิดว่าเรื่องนี้จะจบไปแล้ว เพราะว่าน้องป้อมหายไปหลายวันอยู่นะครับ

จนเมื่อวานนี้...เบอร์ของพี่โอ โทรเข้ามาหาผมครับ
ผมรีบรับส่าย เพราะนึกว่าพี่โอจะโทรมาคุยเรื่องงานที่เราๆค้างกันไว้

ด้วยความประหลาดใจ เสียงปลายสายคือน้องป้อม...

พี่ลิงคะ พี่ลิงทำอะไรอยู่คะ
เนี่ยป้อมมางานเลี้ยงกับพี่โอค่ะ พวกคุณเจี๊ยบ พี่เชอรี่ พี่ฯลฯก็มานะคะ พี่จะคุยกับใครดีคะ

ผมรู้สึกหนาวดึ๋งสะท้าน
โอร้วววววววมายก๊อดดดดดดดดด พี่โอรู้เรื่องไหมเนี่ยครับน้องป้อม
อ๋อ รู้เรื่องล่ะ พี่โอบอกว่าให้โทรหาพี่ลิงได้ตามสบายเลยค่ะ ป้อมเลยเอามือถือพี่โอมาโทรไงคะ

แล้วนี่ทำอะไรอยู่คะ คิดถึงป้อมบ้างหรือเปล่าคะ


สรุป...มันเป็นเหตุการณ์ที่งง มึนและลำบากใจสำหรับผมมากๆครับ
มันกลายเป็นว่าพี่โอก็อนุญาติให้คุยกับผมได้ และน้องเค้าก็ไม่ได้แกล้ง...
โอร้วววว คิดอะไรอยู่ฟระครับ พี่โอ?


ปล. ผมแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยการบอกน้องป้อมไปเมื่อวานเด็ดขาดจริงๆแล้วว่าไม่สะดวกคุยครับผม
ต่อไปนี้คงไม่ได้คุยกันแล้วล่ะครับ

Thursday 11 September 2008

ใคร?

เมื่อวานนี้ เกิดเรื่องระทวยขวัญขึ้นที่ทำงานครับผม


ระทึกและมึนปานไหน ลองอ่านกันดูนะครับ







ที่บ.ผมนั้น มีลักษณะเป็นโรงงานครับ ดังนั้น มันเป็นปรกติที่จะมีรถเข้าออกและคนมากหน้าหลายตาเดินท่อมๆอยู่บริเวณโรงงาน คนขับรถสิบล้อเอย คนงานเอย อะไรเอย



อาณาบริเวณมันก็ใหญ่โตพอควรอยู่ มันจึงเป็นเรื่องปรกติที่พวกเราจะเห็นใครก็ไม่รู้นั่ง นอนหรือนั่งทานข้าวอยู่ตรงพุ่มไม้โน้นบ้าง ตรงนี้บ้างอ่ะครับ


บางรายพาครอบครัวลูกเด็กเล้กแดงมาตั้งเต๊นท์นอนกันเป็นเรื่องเป็นราวก็มี หรือ วันดีคืนดี ก็มีคนงานก่อสร้างถนนเอาพวกโครงเหล็กมาทำงานโดยอาศัยร่มไม้ใบหญ้าในบ.ผมก็มีครับ





ดังนั้น...คนแปลกหน้าจึงเป็นเรื่องปรกติสำหรับพวกเราครับ ไม่ว่าใครมาจากไหน พวกเราๆก็จะคิดกันว่า มันคงไม่ใช่ใครที่ไหน...


เค้าคงมาทำอะไรที่บ.เราซักอย่างละน่า...





เมื่อวานนี้ตอนเช้า ผมเดินไปเดินมาในตึก และพบผู้ชายคนนึงแต่งตัวภูมิฐาน ผูกเน็คไทด์ เสื้อเชิ้ตดูเนี๊ยบ เดินผ่านไปทางห้องโถงข้างล่างครับ


ในใจก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแค่ว่า เค้าคงเป็นแขกจากบ.ไหนมาประชุมอะไรซักอย่างล่ะมั้ง





ผมตั้งท่าจะเดินไปยังโรงอาหาร ทางเดินนั้นมันจะมีประตูกั้นน่ะครับ ผมเห็นผู้ชายคนนั้นเดินวนไปวนมาแถวนั้นอยู่


ผมไม่ได้คิดอะไรอีกตามเคย นึกว่าเค้าคงหลงทิศหลงทางล่ะมั้ง


ผู้ชายคนนั้น เมื่อเห็นผมเดินมา จึงเปิดประตูให้ผม พร้อมยิ้มให้ผมหนึ่งที อย่างมีน้ำใจไมตรี





ผมเดินไปทานข้าวเช้า โดยที่ไม่ได้คิดอะไรเลยครับ...





ผ่านมาตอนพักเที่ยง ตามปรกติแล้ว พวกเราพนง.แผนกต่างๆ จะทิ้งข้าวของกันเกลื่อนกลาดบนโต๊ะ และเดินกันไปทานข้าว โดยที่ไม่ได้ล๊อคห้องหรืออย่างใดครับ เพราะว่า ไว้ใจ มันก็มีแค่พวกเรากันแค่นี้


ดังนั้น ตอนเที่ยงนะครับ แต่ละห้องนี้จะเปิดห้องกันหรา มือถือเอย กระเป๋าเงินเอย กุยแจรถเอย วางอยู่บนโต๊ะ เห็นเป็นเรื่องปรกติ


ผมอยู่ที่นี่มาปีกว่าจวบจนวาระนี้ที่กำลังจะโดนซิวซิบ เห็นภาพนี้จนชินตาครับ มาแรกๆผมก็งง เออ..คนที่นี่เค้าไม่กลัวของหายกันหรือไงฟระ??





ปรกติแล้วในช่วงพักเที่ยง ผมก็จะทิ้งขอระเนระนาดไว้บนโต๊ะหรือในเก๊ะโดยที่ไม่ได้ล๊อคไว้แบบนี้ล่ะครับ


หากแต่เมื่อวานนี้นั้น ผมเกิดนึกเฮี้ยนอะไรขึ้นมาไม่ทราบได้ ผมกวาดของมีค่าทุกอย่างที่มี เอาไปทานข้าวตอนพักเที่ยงครับผม


ก่อนจะออกจากที่บ.นั้น ผู้ชายคนนั้น นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ทานกาแฟอย่างสบายใจอยู่ที่โซฟาตรงทางออก...



กลับมาถึงที่ทำงานตอนบ่ายๆ กลุ่มป้าๆแม่บ้านกำลังจับกลุ่มเมาท์อะไรซักอย่างอยู่อย่างเมามันส์ ด้วยวิญญาณและสปิริตประธานสมาคมแม่บ้าน...


กระพ๊มจึงรี่เข้าไปสอบถามทันใด ได้ใจความว่า...



ตอนพักเที่ยงน่ะค่ะคุณลิง วันนี้ทุกแผนกไม่มีใครอยู่ที่โต๊ะเลยล่ะค่ะ ออกไปทานข้าวโดยที่ไม่ได้ล๊อคห้องกันเหมือนเดิม


พอดีป้าไปทานข้าวเที่ยงสาย ป้าเลยเดินวนๆเก็บของอยู่ระหว่างชั้นหนึ่งและชั้นสองค่ะ



ตอนนั้นเลิกงาน15นาทีแล้ว ป้าแวะที่ชั้นหนึ่ง เพื่อที่จะแวะเข้าไปเก็บถ้วยน้ำชาที่แผนกบุคคล ป้าเห็นผู้ชายคนนึงหน้าตาดี๊ดี แต่งตัวดีเชียว เดินวนไปวนมาอยู่ในแผนกนั้น


ป้าก็นึกว่าเค้าเป็นแขกของคุณเต่าเมเนเจอร์ ป้าเลยถามเค้าไปว่า มาหาคุณหอยหลอด ณ รูถึดทือรึเปล่าคะ เดี๋ยวป้าจะโทรตามให้ แกเพิ่งเดินไปทานข้าวเมื่อสักครู่นี้เองค่ะ



ผู้ชายคนนั้นตอบป้าอย่างสุภาพมากๆเลยค่ะ ว่า ไม่เป็นไรครับ งั้นเดี๋ยวผมรอข้างนอก พร้อมเดินออกไปแบบไม่รีบร้อนอะไร



ป้าก็ไม่ได้สงสัยอะไรค่ะ ก็เก็บถ้วยเก็บอะไรไปตามเรื่อง


ทีนี้ ป้าเล็กค่ะ แกก็ยังไม่ได้ไปทานข้าวเหมือนกัน จังหวะนั้น แกกำลังยืนล้างจานอยู่ที่ครัวชั้นสอง


ป้าเล็กเห็นผู้ชายคนนี้ล่ะค่ะ เดินขึ้นมาจากชั้นหนึ่ง และเดินเลี้ยวเข้าไปในแผนกเซลล์ ป้าเล็กก็นึกเช่นกันว่าเป็นแขกนาย เพราะว่าท่าทางดูดี และแต่งตัวดีเหลือเกิน



แต่ป้าเล็กแกก็สังหรณ์ใจค่ะ เอ...ในห้องเซลล์นั้น ไม่มีใครอยู่ซักคนเลยนี่นา แล้วเค้ามาหาใคร?


ป้าเล็กเลยเดินตามเข้าไปดู เห็นผู้ชายคนนั้น เดินมองตามโต๊ะต่างๆที่มีมือถือเอย คอมเอย กุญแจรถเอยวางอยู่บนโต๊ะเต็มไปหมด



ป้าเล็กแกสงสัยตะหงิดๆแกเลยเดินเข้าไปถาม คุณคะมาหาใคร


ผู้ชายคนนั้นสะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับตอบว่าไม่มีอะไรครับ พอดีผมมาหาแผนกโลจิสติกส์อยู่ชั้นสาม แต่เลี้ยวผิดที่นิดหน่อย ขอบคุณนะครับ


แกได้ฟังดังนั้น เออ..เค้ารู้ด้วยว่าแผนกโลจิสติกส์อยู่ชั้นสาม เค้าคงเป็นลูกค้าหรือใครที่มาติดต่องานจริงๆล่ะมั้ง


ป้าเล็กจึงไม่ได้สนใจตามผู้ชายคนนั้นต่อแต่ประการใด และเห็นผู้ชายคนนั้นเดินขึ้นบันไดไปชั้นสาม...



ผมตกใจเฮ้ย ผู้ชายคนนี้รู้ลู่ทางที่บ.เราเป็นอย่างดี มันรู้ด้วยว่า แผนกไหนอยู่ที่ไหน และที่สำคัญ มันใจเย็นมากๆ.....



ป้าเผื่อนเล่าต่อ ทีนี้นะคะ ป้าไปฟังจากไอ้เอกที่แผนกคุณลิงมาล่ะค่ะ พอดีมันรีบไปทานข้าวและกลับมาเร็ว (มรึงรีบกลับมาดูหนังโป๊ช่ายม๊ายยไอ้เอก ฮ่วย - -")


มันเดินเข้ามาที่แผนกคุณลิงค่ะ ด้วยความที่ห้องปิดไฟมืด แต่ไม่ได้ล๊อคประตู มันคงไม่คิดว่ามีใครอยู่ มันจึงไม่ได้ดูอะไรเลยเปิดประตูเข้ามาเลย

เอกที่แอบหลับอยู่ในมุมมืดนั้น สะดุ้งตื่นและถามว่า พี่มาหาใครคับ

ไอ้บ้านั่นหน้าซีดไปเลย มันตอบว่า อ้อ มาหาหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ครับ เรื่องงาน ไม่อยู่กันใช่ไหมครับเนี่ย

ไม่อยู่ครับพี่ ไปทานข้าวกันหมด พี่จะให้ผมโทรตามให้ไหมครับ

อ้อๆไม่เป็นไร ว่าแต่พี่มาหาใครครับ เอ่อ พี่จำชื่อไม่ได้ มันอยู่ในนามบัตรน่ะ งั้นเดี๋ยวพี่มาใหม่นะ


ทั่นผู้ชมเดาเรื่องออกแล้วใช่ไหมครับ ว่าผู้ชายท่าทางดูดีคนนั้นมันเป็นใคร


ใช่แล้วครับ มันเป็น"ขโมย"



ป้ายังเล่าต่อ คุณลิงรู้ไหมคะ ก่อนหน้าที่มันจะไปแผนกคุณลิงน่ะ มันไปแวะที่แผนกข้างๆมาก่อนแล้วนะคะ


ตอนนั้น พี่วิทย์แกอยู่ในห้องแกแบบมืดๆ แกเห็นผู้ชายคนนี้ล่ะคะ เดินเข้ามาในห้อง


ด้วยความที่เค้าแต่งตัวดีมาก แกเลยไม่ได้ใส่ใจอะไรคิดว่เป็นใครมาส่งของอีกเช่นเคย


ที่ไหนได้ มันใจเย็นมากๆเลยค่ะ มันค่อยๆเดินดูทีละโต๊ะค่ะ มีโต๊ะนึงโชคร้ายมาก เค้าวางมือถือและกุญแจรถไว้บนโต๊ะ


มารู้ทีหลังกันว่าหาย เพราะว่าเจ้าตัวกลับมาแล้วหาไม่เจอค่ะ ก็วิ่งวุ่นกันใหญ่เลยค่ะ ไอ้มือถือน่ะไม่เท่าไหร่ แต่กุญแจรถสิคะ โอย...ป้าไม่อยากจะคิด



ทีนี้ ไอ้เอก เอะใจขึ้นมาค่ะ องค์อะไรไม่รู้ลง มันเลยโทรไปถามน้าแดงที่ป้อมว่า ผู้ชายคนนั้นที่ใส่เสื้อชมพูน่ะมันใครครับน้า เค้าเข้ามาที่ห้องผมทั้งๆทีปิดประตูอ่ะครับ

น้าแดงบอกว่า เฮ้ย ตั้งแต่เช้ามา น้ายังไม่เห็นใครแต่งตัวและท่าทางแบบนี้เข้ามาเลยนะ

ทันใดนั้น น้าแดงเห็นผู้ชายคนนั้นเดินอย่างใจเย็นผ่านป้อมยามออกไป เอกสารใบออกอะไรก็ไม่ยอมยื่นให้

น้าแดงเลยตั้งท่าจะวิ่งตาม..

พอมันเห็นน่าแดงปุ๊บมันรีบวิ่งไปขึ้นรถเลยค่ะ บนรถนั้นมีผู้ชายอีกคนนั่งรออยู่ที่คนขับ

น้าแดงเลยวิ่งตามออกไป มันรีบบึ่งหนีไปเลยค่ะ


ที่สำคัญนะคะ มันขับฮอนด้ารุ่นใหม่ด้วยนะคะคุณลิง เสียดายน้าแดงจดทะเบียนมันไว้ไม่ทัน เพราะไกลเกิน



ผมฟังแล้ว อึ้ง ทึ่ง เสียวครับผม


โอ้โห โจรสมัยนี้ มันขับฮอนด้ารุ่นใหม่ด้วย แถมแต่งตัวดี และยังใจเย็นมากๆๆๆๆ


ที่สำคัญ มันรู้ที่ตั้งของแผนกต่างๆที่บ. เป็นอย่างดี...มันรู้ได้ยังไง?



มันเป็นใครฟระครับ?


ไอ้เอกคอนเฟิร์มว่ามันไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้มาก่อนเลย ดังนั้น มันไม่น่าจะใช่คนที่เคยมาติดต่องานกับเรา



นี่ยังดีนะครับ มันได้ไปแค่มือถือและกุญแจรถเปล่าๆ นี่ถ้าน้าแดงไม่ตามออกไปดู ไม่อยากจะคิดเลยว่า อะไรจะเกิดขึ้น? รถหายนี่พูดไม่ออกเลยนะครับ



ที่สำคัญคือ มันเข้ามาได้ยังไง? เพราะเวลาคนจะเข้าออกที่ป้อมยามจะมีเอกสารให้แสดงตัวและเซ็นต์เข้าออกครับ

นี่ยังดีนะครับที่มันมาแค่ขโมยของ..


แล้วถ้าเกิดมันมาทำอะไรมากกว่านี้เช่นทำร้ายร่างกายหรืออะไร มันจะขนาดไหนเนอะ



เอ้า อ่านแล้วระวังตัวกันนะครับผม อย่าทิ้งของมีค่าไว้ที่โต๊ะนะครับ ระหว่างที่คุณไม่อยู่โต๊ะ อย่างน้อยก็ล๊อคซะนะครับ


เพราะโจรสมัยนี้มันน่ากลัวจริงๆ แต่ตัวดี แถมมาเนียนๆอีกตะหาก...






Tuesday 9 September 2008

ปล่อยปลา...

สวัสดีวันอังคารนะครับ หายไปหลายวันเลย
ผมได้แวะเวียนเข้าเว็บleslaอยุ่เนืองๆ ด้วยความหวังว่ามันอาจจะใช้ได้แล้ว แต่พบว่าเว็บมันเจ๊งไปเลยอ่ะครับ คือเข้าอะไรไม่ได้เลย ใครเป็นเหมือนผมบ้างไหมคร้าบบบ
สงสัยความหวังที่เว็บจะกลับมาซะที มันคงเลือนลางจริงๆเนอะครับ T__T

อ่ะเข้าเรื่อง เนื่องด้วยวันนี้ยุ้ยจะบินกลับไปเรียนต่อแล้ว ผมจึงนึกคึกอยากทำบุญบ้างอะไรบ้างขึ้นมาครับ
คิดไปเรื่อยว่า เออ จะทำอะไรดีหนอ แถวที่ทำงานก็กันดารซะขนาดนั้น ไอ้ครั้นจะไปทำสังฆทานก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่

เพราะคราวที่แล้วที่ไปทำมา ถังสังฆทานงี้ท่วมมมมกุฏิหลวงพ่อเลยล่ะครับ
คือ มันอาจจะเป็นเพราะว่า พระที่วัดนั้นน้อยด้วย ดังนั้น การที่จะไปถวายสังฆทาน แต่เราไม่รู้ว่าพระท่านจะได้ใช้หรือเปล่า มันก็ดูจะไร้ประโยชน์ไปอ่ะครับ ในความคิดผมนะ

พอดีเย็นวันนั้น..ฤกษ์งามยามดี ก่อนจะกลับบ้าน ผมแวะตลาดแถวที่ทำงานเพื่อจะซื้อขนมและหาอะไรทานก่อนกลับบ้านครับ
เดินฉวัดเฉวียนไปมา..ไปป๊ะกับแผงขายปลาแห่งหนึ่งครับผม
ในตอนแรกนั้น ผมไม่ได้คิดอะไรตั้งใจจะเดินผ่านไป เพื่อไปซื้อขนมที่อยู่อีกฟาก..

ทันใดนั้น แต๊น...


แผละ...

ปลาทับทิมตัวเขื่องตัวนึง โดดออกมาเต้นดิสโก้ ดัง พะพั่บพะพั่บ (เอ๊ะ คลับคล้ายคลับคลาเสียงอะไรฟระ 55)อยู่บนพื้น...


ในใจคิด โอ้แม่เจ้า อ้วนท้วนขนาดนี้ มึงยังมีแรงดีดดิ้นตัวเองออกมาจากบ่ออีกเรอะ



ภาพปลากรอบ บ่อปลาที่เกิดเหตุ...





หากโดดออกแล้ว ยังไม่ซวยมาก ไม่มีใครมาซื้อ ก็จะโดนจับมาพะงาบเช่นนี้..
ทันทีที่จบความคิด...คนขายท่าทางเป็นอาเจ๊หุ่นทรงเด็กสมบูรณ์ ใส่รองเท้าบู๊ท ท่าทางทะมัดทะแมงเหมือนขายปลามาแล้วสามร้อยสามสิบชาติเศษ เดินมาพร้อมกับ...

กระทืบบบบบบดังป๊าดดดดดดดดดดดดดดดด ลงไปที่ปลาทับทิมตัวนั้น....


ปลาทับทิมตัวนั้น แน่นิ่ง..(กรูเป็นปลานะคะ ไม่ใช่ญาติสายพันธุ์กูปรี โดนขนาดนี้ ไม่ไส้แตกก็ไม่ใช่ปลาแล้วค่ะ)

อาเจ๊ตือบะคนนั้น หันกลับไปหยิบตะกร้าใส่ปลา..
และหันมาตักปลาทับทิมผู้เคราะห์ร้ายตัวนั้น ชั่งกิโล ขายลูกค้าที่ยืนรอซื้ออย่างไม่ยินดียินร้ายอยู่ตรงนั้น...
ผมยืนอ้าปากค้าง..
โอ้โห... นี่แม่งฆ่าปลากันแบบนี้เรอะ ได้ใจวัยรุ่นโคตรพ่อโคตรแม่มึงเลยนะคะ บารมีจรืงๆ กระทืบเสร็จปุ๊บขายได้ปั๊บ
และไอ้คนซื้อ มันก็ซื้อหน้าตาเฉยเลยนะคะ อ้อ มื้อเย็นเมนูมันคงปลาตีนทอดกรอบ...

ผมยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้ปลาทับทิมตัวนั้น พลางคิดว่า มึงเอ๊ย ซวยไฉนขนาด ไปทำกรรมอะไรมาว๊า ชาติที่แล้วเกิดเป็นนักเลงเรอะ?

ผมยืนนิ่งอยู่ครึ่งนาที...ผมจึงได้ทราบความจริงว่า....
ไอ้ปลาทับทิมตัวนั้น มันโชคดีชิบหายแล้วต่างหาก ที่ได้ตายทรมานน้อยแบบนั้น

ลูกค้าคนใหม่เดินเข้ามา..ผมได้ยินเสียงแว่วๆพูดกับเอเจ๊คนขายว่า เอาปลาทับทิมตัวนึง ตัวกลางๆพอ ไม่ต้องใหญ่มาก
อาเจ๊คนนั้น หันหยิบตะกร้าตักปลาด้วยท่าทีมันคืออวัยวะที่33เช่นเคย และหันไปตักปลาทับทิมที่ยังเป็นๆอยู่ในบ่อ

ปลาทับทิมผู้โชคร้าย(กว่า)ตัวนั้น ขนาดเล็กกว่าตัวที่แล้ว และมันดิ้นพราดๆด้วยความตกใจอยู่ในตระกร้า...


ทันใดนั้น... อาเจ๊โยนนนนนปลาทับทิมผู้น่าสงสารตัวนั้น ไปให้ผู้ช่วยที่มีหน้าที่ขอดเกล็ดปลา ปลาทับทิมตกลงพื้นดังตุ๊บบเบ้อเริ่ม...
ในใจคิด เออ เค้าคงจะสับหัวมันให้ตายล่ะมั้ง...

แต่มันไม่ใช่เลยครับ....

ผู้ชายคนนั้น ทำไงกับปลาผู้น่าสงสารตัวนั้นรู้ไหมครับ
แกหยิบเอาปลาขึ้นมาจากพื้น ปลาก็ดิ้นพราดๆๆๆๆๆในมือ และ...
แกลงมือเอาเครื่องมือ(ไม่รู้เรียกว่าอะไร) ขูดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเกล็ดปลาตัวนั้น ทั้งๆที่มันยังเป็นๆอยู่

ปลาทับทิมตังนั้นดิ้นพราดๆสุดแรงเกิด...
หลังจากที่เวลาแห่งความทรมานหมดลง ปลาทับทิมตัวนั้น แดงเถือกกกไร้เกล็ด นอนพะงาบๆอยู่ในมือ ตางี้แดงเถือก...
หากมันร้องไห้ได้ มันก็คงร้องไห้อยู่ล่ะครับ

หลังจากนั้น ผู้ชายคนนั้นก็เอาปลาทับทิมตัวนั้น ใส่ลงในถุง ให้ลูกค้าไป...

ใจผมประหวัดคิดไปแทนปลาทับทิมตัวนั้น...
นี่ก็ไม่รู้ว่าถ้ามันไม่ตายก่อนไปถึงบ้าน มันจะตายทรมานกว่านี้ไหม
มันอาจจะโดนทอด นึ่ง ปิ้ง ทั้งเป็นก็ได้ ฯลฯ

ขณะนั้น ผมยังยืนช็อคกับฆาตกรรมอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า และเหลือบไปเห็นพี่คนขายอีกคนนึง กำลังสาละวนทำอะไรซักอย่างอยู่ปลาในตะกร้า
ผมยืนพิจารณา และพบว่าตะกร้าใบนั้นเป็นตะกร้าใส่ปลาดุกครับ..

พี่คนขายคนนั้น ค่อยๆหยิบปลาดุกออกมาจากตะกร้าทีละตัว และเอาเข็มอะไรไม่รู้จิ้มไปทีหัวของปลาดุก

ผมว่าวิธีนี้ดีกว่านะครับ ปลาเหมือนจะม่องเท่งไปง่ายกว่า เพราะว่าจิ้มทีเดียว ปลามันก็แน่นิ่งไปเลย

เกิดเป็นปลาดุก มีวาสนามากกว่าปลาทับทิมว่างั้นเถอะ...


ด้วยกรรมดีของปลาดุกในตระกร้านั้นหรืออะไรก็ไม่ทราบ ผมโพล่งออกไป...
พี่ครับ ตะกร้านั้น เท่าไหร่ครับพี่
อาเจ๊ตือบะคนนั้น เดินฉับๆเข้ามาดูทื่ตะกร้า
โหน้อง หลายตัวอยู่พี่ว่านี่น่าจะสิบโล
น้องจะเอากี่ตัวล่ะ
เอ่อ ผมอยากเหมาหมดนั่นเลยอ่ะครับ จะเอาไปปล่อย
โอเค งั้นพี่คิดน้องสี่ร้อยแล้วกัน เอาไปให้หมดเลย มันจะได้ดีใจ
สิ้นสุดประโยคนี้ อาเจ๊ยิ้มอย่างมีเมตตาให้ผมหนึ่งที.. ทำให้ผมคิดได้ว่า
เออมันก็เป็นอาชีพล่ะเนอะ มันไม่ใช่ว่า เค้ามีจิตใจโหดร้ายหรืออะไร..



ปัญหาที่ตามมาคือ...แล้วกรูจะเอาไปปล่อยหมดนี้ได้ย๊างงง๊ายยยยยยT__T
เท่าที่นับด้วยสายตา ผู้รอดชีวิตนี้ น่าจะได้ประมาณ40ตัวกว่าอยู่
ไอ้ครั้นจะให้เจ๊ใส่ถุงพลาสติกแล้วหอบไปปล่อย ไอ้เราก็กลัวปลาจะม่องไปซะก่อน
และกลัวว่ารถกระพ๊มจะกลายเป็นคลองก่อนที่จะได้ไปทำบุญ เพราะน้ำมันอาจจะรั่วออกมาจากถุงก๊อบแก็บอ่ะครับ
ผมแก้ปัญหายังไงรู้ไหมครับ ตาพลันเหลือบไปเห็นร้านขายพวกถังน้ำจานชาม

ก็เลยเดินไปซื้อถังมาสองใบเพื่อการนี้

อ่ะ ดูภาพปรากรอบนะครับ เสียดายวันนั้นไม่ได้ถ่ายเอาไว้ เพราะมันแต่ลนลาน อันนี้เป็นปลานิลที่ผมเอาไปปล่อยมาครั้งหลังครับผม






ใส่ถังแบบนี้ไปปล่อย


หลังจากจ่ายค่าเสียหายเรียบร้อยแล้ว ผมเดินแท่ดๆแบกสองถังนั้นไปขึ้นรถ และบึ่งงงงไปปล่อยที่ท่าน้ำวัดแถวที่ทำงานครับผม


ระหว่างทางนั้น ขับไปด้วยใจระทึก เอ๊ยมันจะตายไหม เพราะในถังปลามันเยอะมาก กลัวมันแออัดกันตายไปซะก่อนอ่ะครับ

แล้วกรูจะยิ่งบาปหรือเปล่าฟระคะ โอร้ววว?
สรุปว่า ก็ไปถึงที่ท่าน้ำโดยสวสัดิภาพครับ ปลาดุกล็อตนั้นก็ยังมีชีวิตกันดีอยู่
ผมเพิ่งมาทราบภายหลังว่า ถ้าเป็นปลาดุกล่ะก็หายห่วง เพราะว่ามันอึดมากๆ อยู่โดยไม่มีน้ำได้เป็นชม.เลยล่ะครับ ขอให้ผิวมันไม่แห้งเป็นพอ
ปล่อยเสร็จ ผมตั้งท่าอธิษฐานแผ่เมตตา ผมขอให้กรรมดีที่ผมทำวันนี้ ให้ปลาทับทิมสองตัวนั้นด้วยนะครับ
แม้ว่าผมจะท่องบทแผ่เมตตาไม่เป็น แต่ผมก็อธิษฐานไปว่า ผมขอให้ปลาทับทิมสองตัวนั้น ไม่ต้องมาเกิดเป็นปลาอีก
ไม่ต้องโดนทรมานแบบนั้นอีก และได้เกิดมาในที่ดีๆต่อๆไป
สรุป ได้ทำบุญแบบไม่ได้ตั้งใจเลยจริงๆ สมความตั้งใจจริงๆครับ
และ...ทำบุญ ทำดีนี่แม้ว่ามันจะเล็กน้อย มันอิ่มใจจริงๆเนอะครับ^^


Wednesday 3 September 2008

"ผมไม่มีวันยอมตายด้วยโรคมะเร็ง"

ด้วยความเซ็งจากห้องประชุม ออกมาก็เปิดเว็บไปเรื่อยๆครับ ไม่ได้อยู่ในอารมณ์อยากจะทำงานทำการซักเท่าไหร่

ยิ่งได้เจอเรื่องหัวเสียจากใครงี่เง่าบางคนแถวนี้ มันยิ่งทำให้อารมณ์อู้ของผมหนักข้อขึ้นเรื่อยๆครับ



เปิดเว็บโน้นเว็บนี้ ก็ไม่รู้จะอ่านอะไรดี เปิดmanagerเจ้าประจำ ก็เจอแต่ข่าวม๊อบ แม้แต่ซ้อ7ยังเอากะเค้าด้วยเลยเออ - -"


ก็เลยไปลงเอยที่pantipเจ้าเก่าครับผม อยากจะบอกว่าเห็นแบบนี้ ผมเป็นขาประจำโต๊ะสวนลุมนะเออ (ปัญหาชีวิตเยอะไง+อารมณ์สมาคมแม่บ้าน)



อ่านไปเรื่อยๆไปสะดุดกับกระทู้แนะนำกระทู้นึงครับ จั่วหัวไว้ว่า "ผมไม่มีวันยอมตายด้วยโรคมะเร็ง "
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L6863057/L6863057.html#561

อ่านชื่อแล้วสะดุด จึงคลิกเข้าไปดู และอ่านครับ



ตั้งแต่เกิดเรื่องยุ้ยมา ส่วนตัวแล้ว ผมพยายามเลี่ยงเรื่องราวประสบการณ์ที่เกี่ยวกับมะเร็งครับผม
เพราะว่าอ่านแล้วมันยิ่งบั่นทอนเข้าไปอีก แม้ว่าในเรื่องราวเหล่านั้นมันจะมีกำลังใจและข้อคิดดีๆซ่อนอยู่เสมอ

ต้องยอมรับว่า ในอารมณ์เซ็งและอู้แบบนี้นั้น ผมอ่านไปน้ำตาซึมไป
เพราะน้องผมก็เป็นมะเร็งเหมือนกัน...เข้าใจอย่างดีว่ามันเป็นอย่างไร

ผมคิดว่า เจ้าของกระทู้หรือคุณkcmcนั้น โชคดีอย่างเหลือร้าย...
เพราะว่าเค้ามีคุณแม่ ลูกสาว และภรรยาที่แสนน่ารักอยู่เคียงข้าง และมันเป็นแหล่งเกิดของกำลังใจทั้งมวลที่เค้าเอาไว้ต่อสู้กับสงครามมะเร็งนี่ล่ะครับ

ยิ่งอ่านไปถึงตอนที่ภรรยาของจขกท.มาโพสท์ ผมยิ่งน้ำตาแตกท่ามกลางบรรยากาศมาคุ นายเดินฉวัดเฉวียนไปมานี่กันใหญ่
นี่คือข้อความของเธอนะครับ

"วันนี้สามีดิฉันได้ชวนดิฉันไปทานข้าวกลางวันด้วย แล้วเค้าก็เริ่มเล่าเรื่องกระทู้ใน pantip ซึ่งดิฉันไม่เคยเข้าไปอ่าน กระทู้ที่ชื่อ "ผมไม่มีวันยอมตายโดยโรงมะเร็ง" หลังจากดิฉันกลับจากทานข้าวกลางวัน ดิฉันก็เข้า Web แล้วเริ่มต้นอ่านมัน คุณพระช่วย! นี่มันเรื่องสามีดิฉันนี่ เค้าไม่เคยเล่าให้ฟังเลยว่าได้เขียนข้อความนี้ลงไป หลังจากที่ดิฉันได้อ่านมัน ดิฉันก็นั่งน้ำตาไหล ทั้ง ๆ ที่ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นดิฉันได้เคยร้องไห้อย่างนี้มาก่อนแล้วทุกครั้ง ดิฉันต้องการให้เค้ารู้ไว้ว่า ก็ทำไมในเมื่อที่ผ่านมาคุณเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่ดี ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว แล้วเมื่อวันที่คุณมีปัญหาฉันจะไม่อยู่เคียงข้างคุณและคอยให้กำลังใจกับคุณเล่า วันนี้คุณคิดได้อย่างเดียวคือคุณต้องหาย คุณต้องอยู่เพื่อลูก สำหรับตัวดิฉันเองนั่น คุณไม่ต้องเป็นห่วงดิฉันสามารถเอาตัวรอดได้ แต่ลูกของเราแหละ เค้าต้องการพ่อนะและเค้าก็รักพ่อมากด้วย ทุกครั้งที่คุณเข้าโรงพยาบาลและดิฉันต้องไปดูแลคุณอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อดิฉันกลับถึงบ้านหลังจากที่ลูกสวัสดีดิฉันแล้ว คำแรกที่ลูกค้าพูดคือ "พ่อเป็นอย่างไรบ้าง" "พ่อหายหรือยัง" "เมื่อไหร่พ่อจะกลับบ้าน" ดิฉันก็จะบอกกับลูกว่าพ่อใกล้จะหายแล้ว พ่อใกล้จะกลับบ้านมาอยู่กับเราเหมือนเดิมแล้วจ๊ะ จากวันที่เราแต่งงานกันจนถึงวันนี้ก็ 6 ปีแล้วซินะ แต่มีคำหนึ่งที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปจากฉันเลย คือ "ฉันรักคุณ" และฉันจะเป็นกำลังใจให้กับคุณ ฉันเชื่อว่าคุณจะต้องหายอย่างแน่นอน เราจะร่วมกันสร้างอนาคตของลูกของเราด้วยกันใหม่อีกครั้ง พฤษภาคมปีหน้า จะเป็นวันแรกที่ลูกของเราจะเข้าโรงเรียน คุณกับฉันจะเป็นคนจูงมือลูกสาวแสนน่ารักของเราเข้าโรงเรียนด้วยกันทั้งคู่......คุณจะต้องมีชีวิตต่อไป N’Prim’s Mother"


ความรักมันเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ และเอาชนะทุกสิ่งในโลก
หากโลกหมุนไปได้ด้วยผู้ชาย แต่ผมเชื่ออย่างแรงกล้าว่า...
หากโลกเราไม่มีผู้หญิงแบบนี้...มันก็ม่องทั้งโลกนั่นล่ะครับ

อ่านแล้วคิดถึงยุ้ยครับ น้องสาวผมก็เป็นมะเร็ง ซึ่งตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่าโรคนั้นมันไปถึงไหนแล้ว
คุณหมอนัดตรวจมะเร็งอีกทีสิ้นปีนี้ครับผม...มาคราวนี้ ยุ้ยยังไม่สามารถตรวจได้ด้วยเหตุผลทางการแพทย์บางประการ

อ่านแล้วคิดไปถึงตอนที่แม่นอนร้องไห้เฝ้ายุ้ยที่รพ. T__T มันเสียใจจริงๆครับT__T

ผมนั่งคิดไปเรื่อยเปื่อย พลางคิดไปได้ว่า

อืม..หากเป็นเรา เราจะมีใครคอยบอกว่ามันไม่เป็นไรแบบนี้ไหมหนอ?

Monday 1 September 2008

โคลงวิบัติสี่ ตอน สรรเสริญCEO

CEOที่บ.ข้าพเจ้านี้ ติดเมียน้อย
หน้าท่านดำคล้ำเพราะกุ้งหอย อร่อยแหล่มหล้า
โอทีพวกกูไม่ให้เพราะต้อง จ่ายล่วงเวลา
ชะนีสนามกอล์ฟแช่มอุรา พวกกูไส้แห้ง

ลูกน้องเสนอแนะให้เจ๊ใส่ สายเดี่ยว
แต่งหน้าทาปากนรกแตกมาเชียว อ่อยแม่ง
สวยลานตาปานเปรตฟ้ากระทะภูธร ยังแซง
จีสติงบราเสริมเด้งนอนแอ้งแม้ง ที่ห้องมัน

เชี้ยเอ๊ยไอ้ตาถั่วเสือกเรียกยามอุ้มกู ไปฝัง
แถมจับกูลงหม้อมัดตราสังข์ ถ่วงน้ำ
แสนสุดเสียดายบิกินี่ลงยันตร์ ลายควาย
ขอกูถอดก่อนก็ไม่ได้แล้วมึงจะเสียดาย ของแปลก

ทั่นCEOป๊ะชะนีนี้สนามกอล์ฟ แถวนี้
โดดงานเช้ากลางวันเย็นหาชะนี เริ่มแรก
สะโหลสะเหลมาทำงานทั้งกะปี หอยแด๊ก
ลืมเหตุผลสิ้นอารมณ์หลงเพราะมัวแหก หญ้าคา

เค้าเกลียดมึงกันทั้งโรงงานรู้ไหม ไอ้ฟาย
ผู้หญิงเสี้ยมซะจนเสียงานการจนได้ ไอ้บ้า
เมื่อหอยอยู่เหนือเหตุผลกลับประเทศซะไป ไอ้ห่า
เกลียดมึงว้อยไอ้แมงดา CEOเฮงซวยเอยฯ