Sunday 29 November 2009

ยุ่ง เครียด

ปีนึงที่ผ่านไปไว แป๊บๆจะสิ้นปีแล้วเนอะครับ
ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทุกสิ้นปี ยุ่งมันทุกจะสิ้นปี ไหนจะปิดโน่นนี่
ตอนนี้ยิ่งยุ่งหนักเข้าไปอีกครับผม เพราะมีproject เบียร์สดหรือDraught beerเข้ามาให้รับผิดชอบเพิ่ม

โปรเจ็คนี้ ทำเอาอิช้านหมดพลังทางเพศมากค่ะพี่น้อง
ด้วยความที่มันใหม่มาก ระบบรองรับก็ยังไม่มี
มันจึงกำเนิดปัญหาจำพวก
นัตตี้: เอ่อเจ๊คะ เบียร์นี้ให้ใครรับผิดชอบดีคะ
ชายไทยใจงาม ณ ห้องสโตร์: มึงนั่นล่ะ มึงสิโว้ย
เจ๊: เอางี้ จับฉลากมั้ย???

นอกจากภาวะโลกเลิฟที่เป็นผลพวงจากDBแล้ว
ปัญหาเรื่องสวัสดิภาพและความปลอดภัยของสาวสวยที่สุดในโรงงานอย่างดิ๊น ถึงจุดตึงเครียดอย่างที่สุดนะฮร้า
บริษัทคู่กรณีที่มาต่อยผม...กลับมาแล้ว
กลับมาฟ้องร้องค่าเสียค่าเกือบ2ล้านนั่นล่ะครับ

เมื่ออ.ก่อน ทางทนายและเจ้าคู่กรณีนั้นมาที่บ.ผมครับ จุดมุ่งหมายคือมาไกล่เกลี่ยประนีประนอมคดี
ผมเองพยายามทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ออกหน้า ทั้งๆที่มันเกี่ยวข้องกับผมโดยตรงก็ตามเถอะ
เพราะถือว่า ผมโดนมาเยอะแล้ว นี่เป็นหน้าที่ที่ผู้ใหญ่ของบริษัท ที่สั่งให้ผมcancell order
ต้องรับผิดชอบซะบ้าง...

ผลออกมาก็เป็นที่คาดเดาได้
ถึงคดีนี้เราจะไม่ผิดอะไรเลยก็ตาม...
ทางเรานั้น ยอมที่จะยอมรับค่าเสียหาย นั่นคือยอมให้ทางคู่กรณีนั้น ส่งสินค้าเข้ามาให้ครบ
ผมฟังแล้ว..ได้แต่ถอนหายใจ...
สุดท้าย..ก็กลัวตายกันทั้งนั้น..

ส่วนตัวแล้ว ผมไม่สนใจหรอกว่าทางบริษัทเราจะรับสินค้านี้หรือไม่ ทั้งๆที่มันมีปัญหาทั้งlot
ผมสนใจแค่ว่า...
ทำไมเราไม่ผิด ทำไมเราไม่ไปสู้กันในชั้นศาล
และความปลอดภัยของผม มันอยู่ที่ไหน??? ถ้าเรายังต้องติดต่อกับคู่กรณีนั้นต่อไปอีก...


ที่น่าหนักใจที่สุดคือ...
พี่managerท่านนึงออกจากที่ประชุมมาเล่าให้ผมฟังว่า
ทางฝ่ายโน้น เค้าอ้างว่าเค้ามี"วงใน"ที่คอยให้ข่าวจากฝ่ายเรา
ข่าวนี้ ตรงอย่างน่าขนลุกกับคำทำนายจากพ่อปู่ที่ผมนับถือ ท่านพูดถูกหลายเรื่องมากๆ ท่านบอกว่า
ผมทำอะไร ฝ่ายโน้นเค้ารู้หมดแหละ จะไปไหน ไปทำอะไร
เพราะมีคนใกล้ตัวที่ทำงานคอยให้ข่าว...

ผมสงสัยเรื่อง"วงใน"นี้ตั้งแต่วันที่โดนต่อยแล้ว
ผมนอนอยู่บนเครื่องX Ray พลางคิด
เฮ้ย มันบังเอิญมากขนาดนี้เลยเหรอะวะ?
พรุ่งนี้ เราจะบิน (ไปเที่ยวออส)
วันนี้ มันมาดักต่อย
ทำไมไม่เป็นวันอื่น?
ทำไมมันรู้ว่าเรายังไม่ออกจากที่บริษัท ทั้งๆที่ตอนเกิดเหตุ มันเย็นมากๆแล้ว
วันนั้น ที่ทางแผนกมีเลี้ยงกัน
ไอ้เจ้า...ชวนยังไงก็ไม่ยอมไป บอกไม่สบาย ทั้งๆที่แฟนมันไปด้วย
และทำไมมันต้องปิดมือถือทันทีที่ออกจากที่ทำงาน
ทำไมมันต้องไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยคอยมาถามเรื่องส่วนตัว
เจ๊ๆ น้องเจ๊ชื่ออะไรเหรอ?

หลายท่าน เห็นตรงกันกับผมในเรื่องนี้ว่าไอ้เจ้า...อาจจะเป็นวงใน
เท่าที่ผมทำงานมา..ผมพอจะจับลักษณะฝ่ายตรงข้ามได้
ทางนั้นชอบจ่ายโน่นนี่ เอาขนมมาฝากคนโน้นคนนี้ในบ.ผมอยู่เรื่อย
เป็นการซื้อใจในการทำงาน..
ดังนั้นเรื่องสินบนประเภทนั้นคงไม่แปลก...

ถ้ามันจริง..ผมคงเสียใจมาก
เพราะไอ้เจ้า...เป็นน้องที่ผมรักและไว้ใจมาตลอดคนนึง
ในการณ์นี้..ผมคิดว่าผมจะไปแจ้งท่านผู้กำกับที่สนิทกันกับพ่อผมไว้
เผื่อโดนทำร้ายอีก...

Wednesday 11 November 2009

เงินเดือนขึ้น

อ.ที่แล้ว อยู่ดีๆท่านCEOเรียกอิช้านเข้าไปพบ
ระหว่างทางที่กลิ้งลงจากเขาไกรลาสลงไปหาท่านผู้นำนั้น
อิช้านได้แต่คิด..มันจะมีเรื่องอะไรให้สวดมาติกาส่งวิญญาณกันอีกหนองวดนี้??

ที่ไหนได้..เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจหย่อนตูด เตรียมตัวเตรียมใจรับเทศน์มหาชาตินั้นไซร้
คุณลิง ไอยินดีด้วย ยูได้เงินเดือนขึ้น...
ในชีวิตนี้ไม่รู้ว่าผมอ้าปากค้างเป็นรอบที่เท่าไหร่ และครั้งนั้นปากผมก็ยังคงค้างต่อไป..

อะไรนะเคอะ..เงินเดือนขึ้นเรอะคะ??
ฤ อิช้านฟังผิด มันคือซองขาวไล่ซุปหน่อไม้หน่อนี้กลับบ้านนอกไปรึเปล่าฟระคะ???
แล้วเงินเดือนขึ้นเนื่องในวโรกาสใดมิทราบเพคะนั่น ได้ข่าวว่าเดือนที่แล้วก็ขายไม่ค่อยจะไม่ได้ไม่ใช่เรอะคะ เบียร์เราน่ะ

ณ สุดขอบคลองประปาอันไกลโพ้น...อิช้านกำลังใช้เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นเช่าเสื่อนอนกางพุงอย่างสบายอุรา
หลังจากกระชากสติสตังกลับมาจากห้วงคำนึงอันลึกล้ำแล้วนั้น
ท่านผู้นำพูดต่อ ..
ที่ยูได้เงินเดือนขึ้น เพราะทางเมืองนอกอนุมัติให้ยูได้รับการปรับฐานเงินเดือนใหม่
ยินดีด้วยนะครับ..ท่านผู้นำพูดอมยิ้ม พร้อมยื่นกระดาษแผ่นนึงให้
โอ้โห...นี่อิช้านตาฝาดไปรึป่าวนิ หรือว่าอิช้านเบลอเพราะถูกลมบ้าหมูกระโดดถีบหน้า
ได้ขึ้นเยอะขนาดนี้เลยเรอะโอ้ววว ไม่คิดไม่ฝันเลยค้าพี่น้องงงง....

อิช้านกล่าวสุนทรพจน์ยาวยืด กราบอาราธนาคุณพระรัตนไตรขอบคุณท่านCEOและพี่หัวหน้า
ขอบคุณจริงๆค้า อิช้านซึมทราบมากค้า...

หลังจากรู้ข่าว ผมรีบโทรบอกแม่ และคุณนกยูง
อีป้าบอก...ยินดีด้วยจริงๆนะแห้ง..ดีใจจังแห้งมีตังค์เลี้ยงเมียแล้วสิเนี่ย5555
เวลาผมดีใจ มีสองคนที่คิดถึงคือแม่และอีป้า

หลังจากกรี๊ดกร๊าดจบสิ้นกระบวนความแล้ว ผมจิกลูกน้องเรียงตัว ด้วยความเป็นห่วง
90%ของผลงานแผนกมาจากลูกน้องทุกคน ดังนั้น มันไม่ยุติธรรมเลยหากพวกมันไม่ได้การปรับเงินเดือนด้วย
สรุปเป็นที่น่าพอใจ หนุ่มสาวทัวร์ ได้ปรับเงินเดือนกันทู๊กคนนนน^^

ผมแฮปปี้ หนุ่และสาวถึกทั้งหลายของผมแฮปปี้
ท่ามกลางงานประจำวันและไม่ประจำวันที่พวกเราทำงานต่างเทียมวัวเทียมควายนั้น
น้องๆของผมทุกคนสมควรได้รับครับผม^^


ขอบคุณบริษัทมากๆค้าที่ให้พวกเราได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกันขึ้นอีกนิด
พวกเราชาวlogisticsจะทำงานถวายหัวและสู้ตายกันต่อไป ไม่ทำเบียร์แตก เบียร์หาย ส่งผิดส่งถูกกันมากเกินไปนักนะค้า
i love u ยู้ฮู...

Tuesday 3 November 2009

เจอผีแบบคอมโบเซ็ต

อิช้านเจอผีอีกแล้วค่ะพี่น้อง...
เจอผีคราวนี้...นัตตี้เจ้าลูกน้องให้คำจำกัดความว่า เจ้คะ...นี่เราเจอกันแบบคอมโบ้เซ็ตเลยนะคะเนี่ย...
ตั้งแต่เกิดมา...สาบานได้ว่าเจอผีเป็นเรื่องเป็นราวก็ครั้งนี่ล่ะครับ..
เป็นเรื่องเป็นราวยังไงนั้น...ติดตามชมกันได้ แต่นแต๊น...




เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว พวกเราทำงานเลิกดึกเป็นพิเศษครับ เพราะมีorderสิ้นเดือน
พวกเราชาวโลจิสติกส์ทั้งผองนั้นไซร้..ทำงานไปท้องร้องไปดังอีโครกกกกกก อีโครกกกกก
อิช้านนั้นไซร้...ในฐานะหัวหน้างานผู้ซึ่งช่วยงานห่าเหวอะไรลูกน้องไม่ได้เลยซักกะผีก
สิ่งเดียวที่ทำได้..คือออกไปซื้อข้าวเย็นมาให้ลูกน้องทานกันพวกมันสไตรค์ไปก่อนนั่นล่ะครับ



ณ เวลาสองทุ่มกว่า กระพ๊มเอารถเข้ามาจอดหน้าตึก เพราะมันมืดแล้วและต้องหิ้วกับข้าวพะรุงพะรัง
ผมเดินเข้าไปในตึก โทรสายในเรียกเจ้ากวางน้อยมาช่วยหิ้วกับข้าว
ณ เวลานั้น ทั้งตึกมีแต่ความเงียบและความมืด...เพราะมีแต่พวกเราที่ทำงานกันอยู่แผนกเดียวครับ
จังหวะที่ผมโทรหาเจ้ากวางเสร็จ และจะเดินออกไปเอาของในรถนั้น
ผมได้ยินเสียง ฟิ้ววววววววววววววว ฟิ้ววววววววววววววววววววว ดังมาจากความมืดของระเบียงชั้นสอง

วินาทีนั้น...ผมเงี่ยหูฟัง พร้อมพยายามมองหาต้นตอของเสียงนั้น
ผมสามารถรู้ได้แค่ว่า...เสียงนั้นดังมาจากความมืดในชั้นสอง...เมื่อมองไป ก็ไม่เห็นอะไร
เสียงฟิ้วววววววววววววววววววววว ฟิ้วววววววววววววววววววววนั้นดังอยู่ประมาณ5 นาที
จนเจ้ากวางเดินลงมา เสียงนั้นก็เงียบหายไป



กวางเดินมาถามผมคำแรกว่า เจ๊ หนูรู้ว่าเจ๊เห็นอะไรใช่ไหม
ผมเงียบ ไม่พูดอะไร ขึ้นมาที่ห้องทำงานตั้งสติ...
เสียงนั้น มันเป็นเสียงรถเด็กเล่นนี่หว่า วิ่งวนไปมาดังฟิ้วววววววววววฟิ้วววววววววววววววววววววว
ที่ชั้นสองนั้น...มีของเซ่นไหว้ที่เสามุมหนึ่งอยู่ครับ และที่มุมเสานั้น มีรถบังคับเด็กเล่นวางอยู่หนึ่งคันพร้อมกับของเซ่นไหว้
ก่อนหน้านั้น..ผมเคยถามไถ่พี่ๆที่ทำงานชั้นสองได้ความว่าที่ต้องเอาตั้งนั้น เพราะแกเห็นเด็กเล็กๆวิ่งแวบไปแวบมาเสมอ



ผมบอกกวาง เฮ้ยเจ้ได้ยินเสียงรถเด็กเล่นวิ่งวนไปมาดังฟิ้ววววฟิ้วววววว่ะ
นัตตี้บอกว่า...พี่ยามก็เคยเจอแบบเจ๊เนี่ยล่ะวันนึงพี่ยามขึ้นมาตรวจความเรียบร้อยที่ชั้นสองก็ได้ยินเสียงฟิ้วววววว ฟิ้ววววววววววว
พี่ยามแกเปิดไฟดูก็ไม่เห็นอะไร รถเด็กเล่นก็ยังจอดอยู่ทีเดิม
หากแต่...เสาของรถเด็กเล่นนั้นมันแกว่งไปมาล่ะเจ๊



ผมก็ได้แต่คิดว่า..อ้อ คงเป็นน้องกุมารน้อยที่ชั้นสองล่ะมั้ง...
วันอาทิตย์ไปซื้อของกะที่บ้าน ผมจึงชวนน้องยุ้ยไปซื้อของเด็กเล่นมาถวายกันครับ
ด้วยความที่เราไม่รู้ว่าน้องกุมารน้อยนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
รอบคอบซะไม่มี ยุ้ยจึงให้ผมซื้อสองอย่างคือรถเด็กเล่นกับตุ๊กตาแกะน้อย4ตัวครับ



วันนี้ตอนเที่ยงๆผมเตรียมแกะของเล่นไปถวาย
จังหวะนั้นผม นัตตี้ เสี่ยนุและเจ้ากวางนั่งด้วยกันอยู่ในห้อง
แกะตุ๊กตาออกมาแล้ว ผมยังถามลูกน้องด้วยความคึกคะนอง เฮ้ยถวายดีไหมวะ เดี๋ยวดึกๆมีเสียงปี๊บๆอะไรแบบนั้นมาทำไงวะ (ตุ๊กตาแกะเป็นตุ๊กตายางมีเสียงครับ)
นัตตี้หัวเราะ เออ ถวายไปเหอะเจ๊ เราอุตส่าห์ตั้งใจซื้อมาถวายแล้ว



หลังจากถวายของเสร็จ ผมเดินกลับไปที่ห้อง คิดเล่นๆในใจ ไม่ได้มีเจตนาท้าทายหรืออะไรทั้งนั้นนะครับ
เออ...หรือวันนั้นเราหูฝาดไปเองนะ อาจจะไม่ใช่เสียงรถเด็กเล่นอะไรก็ได้มั้ง
อืม..ถ้ามีจริงนะ ออกมาให้เจอหน่อยเถอะ จะได้พิสูจน์ว่าเราไม่ได้คิดไปเอง



เย็นถัดมา...ได้เรื่องเลยครับ
ช่วงเย็นวันนี้ฟ้าครึ้ม ลมพัดแรง ฝนทำท่าจะตก
จังหวะนั้น แอร์ที่ทำงานปิดซ่อม เจ้านุจึงเดินไปแง้มหน้าต่างเล็กๆเอาไว้หนึ่งบานครับ หน้าต่างที่ห้องนั้นมีสามบาน บานที่แง้มไว้เป็นบานตรงกลาง
ซักพัก กวางพูดขึ้นมา เจ๊ เจ๊ว่าในห้องมีลมมั้ย
ผมตอบ..ไม่มีนี่ เจ๊ว่าอากาศนิ่งจะตาย ทำไมวะกวาง
ก็เมื่อกี้อ่ะ มีลมเย็นๆพัดวูบมาชนหนูอ่ะเจ๊ เอ...แต่หนูไม่ได้นั่งตรงกับหน้าต่างนะ



ผมไม่ได้สนใจอะไร จึงนั่งทำงานต่อไป
ซักพักได้ยินเสียงแก่ก แก่ก แก่ก มาจากทางหน้าต่าง
กวาง นัตตี้และเสี่ยนุนั่งทำงานอยู่ด้วยกัน หันไปมองตามเสียงนั้น
ระหว่างเสียง แก่ก แก่ก แก่ก นั้น..อะไรบางอย่างทำให้ผมไม่ตัดสินใจหันกลับไปมอง แต่กลับเงยหน้ามองหน้าสามคนนั้น
สามคนนั้น จ้องไปทางหน้าต่าง ตัวแข็งทื่อ...



วินาทีถัดมา... มู่ลี่บานริมอันเบ้อเริ่มเทิ่ม ฟาดกับผนังดังแกร๊งงงงง แกร๊งงงงงงงงงงงงงงง
ทุกคนในห้องนิ่งเงียบ....ผมตัวแข็งทื่อ สามคนนั้นอ้าปากค้าง ตาจ้องไปยังทางที่เกิดเหตุ
นัตตี้พูดขึ้นมาว่า เจ๊ เราเลิกทำงานกันเถอะเนอะวันนี้..
ผม อืม... ไปเหอะ งานไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เคลียร์เอง
เราสี่คนสวมวิญญาณหลวงพ่อโกยลงมาอยู่หน้าทางออกในเวลาสามวินาทีครึ่ง



ขณะที่อยู่หน้าทางออกนั้น นุตะโกนขึ้นมาว่า เฮ้ยเจ๊ เจ๊ได้ยินเสียงอะไรมั้ย
เฮ้ย เสียงไรวะนุ เสียงแก่ก แก่ก แก่ก เหมือนใครไถรถเด็กเล่นอ่ะเจ๊
สิ้นเสียงคำบอกเล่านั้น ผมรีบเดินไปขึ้นรถพร้อมนุ สองสาวนั้นเดินตามมาทีหลัง



จังหวะที่ผมยืนรออยู่หน้าทางออกนั้น ผมได้ยินเสียงเรียก "เจ๊ลิงงงงงงงงงงง(ชื่อผม)"ลอยมาตามลม
เสียงนั้นเย็นยะเยียบและเป็นเสียงผู้หญิง
วินาทีเดียวกันนั้น นุหันหน้าไปทางเสียงเรียกนั้น ทำหน้าตกใจ เฮ้ยเจ๊ เจ๊ได้ยินมั้ยนั่น



สิ้นเสียงเรียกนั้น...ผมขนลกซู่ทั้งตัวและรู้สึกน้ำตาจะไหล...


เราสี่คนวิ่งร้อยเมตรออกมาหน้าประตูใหญ่ หลังจากตั้งสติได้แล้ว...
เฮ้ย ตอนที่มูลี่มันฟาดผนังอ่ะ พวกเอ็งเห็นอะไรวะ แล้วทำไมมันฟาดได้วะ มู่ลี่อันใหญ่ขนาดนั้น ลมแม่งก็ไม่มี
นัตตี้หน้าซีดเผือด เล่าว่า...
ตอนนั้นพวกหนูก็ได้ยินเสียงแก่ก แก่ก แก่ก จึงหันไปทางหน้าต่าง
เจ๊รู้ไหม พวกหนูเห็นอะไร...

เสียงแก่ก แก่ก แก่กนั้น มันคือเสียงมูลี่รูดขึ้นเองเจ้
หลังจากมันรูดขึ้นเอง มันก็หล่นลงมาดังตึ้งง และอยู่ดีๆมันก็ฟาดกับผนังดังโคร้มมมมมมมมมมม ทั้งๆที่ไม่มีลมไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อยเจ้


เออเจ้ แล้ววันนี้ตอนเจ้ไม่อยู่ห้องมีแฟกซ์แปลกๆมาล่ะเจ้
แฟกซ์นั้นมาสามใบ นี่ไงหนูติดเอามาด้วยว่าจะเอามาถามเจ้ เนี่ยไอ้แอ๊ดก็ยังถามว่าใครแฟกซ์มา
แฟกซ์นั้นเป็นกระดาษรีไซเคิลเจ้ แอ๊ดมันจำได้ว่ามันเป็นคนขีดฆ่ากากบาทเอง
ผมรับเอกสารสามใบนั้นมาดู...
เออ มันเป็นเอกสารรีไซเคิลจริงๆด้วย แต่...มันแปลก



แปลกที่...ใครเป็นคนส่งเอกสารนี้มา ทั้งๆที่มันไม่ได้ใช้แล้ว ลูกน้องผมเป็นคนทิ้งกับมือ
เมื่อดูที่หัวกระดาษ...มีหมายเลยP1อยู่ทั้งสามใบ
เฮ้ย งั้นก็ไม่ได้ส่งผิดอ่ะดิวะงั้น เพราะถ้าคนส่งผิดจริง มันควรจะเป็นP1 P2 P3 นั่นคือส่งพร้อมกันในครั้งเดียวแล้วอาจจะกดเบอร์ผิดก็ได้
นี่เท่ากับว่าคนที่ส่งต้องโทรเพื่อจะส่งสามครั้งเลยนะเว้ย ดังนั้นตัดประเด็นส่งผิดไปได้
นัตตี้เล่าต่อ เจ๊ เจ๊รู้ป่าว มีเรื่องแปลกมากกว่านั้นอีก

ตอนที่แฟกซ์มันไหลออกมาอ่ะเจ้ แฟกซ์ปรกติที่ห้องเรากระดาษจะไหลออกมาโดยเงยหน้าที่มีข้อความ
แต่ไอ้สามใบนี้...มันคว่ำหน้าไหลออกมาจากเครื่องล่ะเจ๊
หนูยังคิด เอ๊ะ แผนกเราไม่เคยใช้กระดาษรีไซเคิลในเครื่องแฟกซ์นี่นา
เอ...หรือว่าต้นทางเค้าจะแฟกซ์มาผิดด้านหนอ มันเลยออกมาเป็นกระดาษเปล่า
แต่เจ๊พลิกดูสิ ถ้าผู้ส่งส่งผิดด้าน เอาด้านที่เป็นกระดาษเปล่าส่งมาจริง มันต้องมีรอยบ้าง แต่นี่ไม่มีรอยหมึกเลยนะเจ๊



เรื่องแฟกซ์สามใบนั่น ติดใจผมมาก มันแฟกซ์มาจากไหนหนอ??
และที่แปลกไปกว่านั้นอีก เราสี่คนที่โดนหลอกนั่น เป็นสี่คนที่อยู่ด้วยกันตอนที่จะเอาของเล่นไปถวาย
และตุ๊กตาแกะนั้น...มี4ตัว



นี่สินะ...โดนผีหลอก
ผมตั้งจิตอธิษฐานขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมไม่ได้ตั้งใจลบหลู่นะครับ มันแค่เป็นความสงสัยในใจของผมเท่านั้นที่ว่าเราหูฝาดไปหรือเปล่า ไม่งั้นให้ออกมาให้เจอหน่อย


อย่าอีกน้า..ไม่เอาแล้วจ้า