Wednesday, 29 April 2009

5ส+Swit land of the dream

หายไปนาน เพราะงานยุ่งมาก
สถานการณ์ที่ทำงานตอนนี้...
ผมเหลือบไปเห็นทุกคนกำลังคลุ้มคลั่งเซิ้งโน่นเซิ้งนี่อย่างไร้จุดหมาย...
เพราะวันดีคืนดี... พระเจ้าส่งโปรเจ็ค5Sมาให้ซะงั้นล่ะค่ะ
5ส นั้นไซร้..คือไฟชำระล้างมลทินของพวกเราทั้งผองlogisticsชิมิเคอะ??

5ส ตายแร้น...ฟังแล้วแลดูแสนจะง่ายดาย
บ.อะฮั้นนะเคอะเค้าพุดออนแพรคทีสมาตั้งแต่ยุคโรมันเริ่มสร้างส้วมในครัวเรือนแล้วล่ะค่ะ
ไม่ทราบว่าบ.โรงงานคุณน้องลิงไปตั้งที่ทวีปโลกไหนมาเคอะ
ทำไมไม่มี5สล่ะเคอะงั้น??

เอาเถอะ เพ้อเจ้อมานาน ไม่มีก็เพราะมันไม่มี ฮ่วย
งานนี้...อิชั้นค้นพบว่า เป็นงานที่เหนื่อยและน่ารำคาญใจมากกกกกกกกกล่ะพี่น้อง
ทั่นผู้โชมลองนึกสภาพดู...
กระพ๊ม...มิสซ่กม๊กแม๊น ดิ๊นยืดอกฟีบๆยอมรับอย่างหน้าไม่อายว่า กางเกงในดิ๊นนั้นซัก(ตั้ง)อ.ละครั้งและสามารถนำมารียูสได้โดยไม่เคอะเขิน
จะให้กรูทำ5สเรอะคุณพี่...
มันก็เหมือนจับแมงสาปมาขัดขี้ไคลใส่โรลออนนั่นล่ะคร่ะ... อ๊ะ แปรงฟันด้วย

วันนี้...นั่งสำรวจโต๊ะตัวเอง
อุ๊ย 5ส มีเต็มโต๊ะกรูเลยนี่หว่า ไม่ต้องทำแล้วมั้งงั้น555
เอาอะไรดีล่ะ ลิสต์ได้ตามนี้ สกปรก ซกมก (เอกสาร)สูญหาย สาปสูญ สะสม ฯลฯ
- -"

อ่ะ ไปชมรูปกัน สวิสเซอร์แลนด์ ดินแดนในฝัน
อิชั้นสัญญาว่า ไดนี้จะไม่พล่ามเยอะเด้อ


อนุเสาวรีย์สิงโต ณ เมือง Luzern
สวิสมีกองกำลังทหารรับจ้างที่มีชื่อและโด่งดังมาก
อนุเสาวรีย์นี้เพื่อระลึกถึงกองทหารรับจ้างสวิสที่ถูกฆ่าตายทั้งกองในช่วงอารักขาหลุยส์ที่16ในช่วงจราจลฝรั่งเศสครับ


เมือง Luzern
ก้าวแรกที่มาถึง smsบอกคุณนกยูง
ป้าๆ ผมอยู่เมืองโลซานน์ 5555


ชอคโกแลตสวิส อร่อยที่สุดในสามโลก


เหตุเกิด ณ มุมหนึ่งของDream World - -"


อ๊ะ อีลิงมันโกหก มันไม่ได้ไปเที่ยวมานี่นา
มันไปเอาอันนี้มาจากตู้เย็นมาแหกตาประชาชีนี่หว่า พี่น้อง!!!
ย้ากกส์ เครื่องประหารหัวคิตตี้ท่าวววน้านนนนนนนนน

Skiing


Titlis สวยงามอลังการ
ฮิตมากในหมู่ชนชาวสวิส
คงอารมณ์ประมาณสวนนงนุชบ้านเราไฉนฉะนั้น 5555

ถ่ายตอนอยู่บนcable
อิชั้นนึกว่าอิชั้นฝันไป
นี่เราต้องอยู่ที่ไหนซักที่ในdream worldแน่ๆเลยใช่มั้ย โอ้ววว...

อ้าวหมดแระ
ไปนอนดีกั่ว
ไดหน้า ไปเที่ยวที่อิตาลีแล้วข้าพเจ้าสัญญาว่าจะพอแระ T_T

Friday, 24 April 2009

Paris Je t’aime (2)

ทำไมต้อง Paris Je t’aimeน่ะเรอะครับ?
......
ก่อนขึ้นเครื่องไปนั้น ผมได้ยินชื่อหนังเรื่อง Paris Je t’aimeลอยมากระทบรูหูจากไหนซักที่
ทั้งๆที่ไม่เคยดู ไม่รู้เนื้อเรื่อง ไม่คิดสนใจจะหามาดู
แต่ฟังแล้วก็สงสัยอยู่งิ๊บๆ...
ทำไมต้อง”ปารีส ฉันรักเธอ”ด้วยหนอ??

ก่อนวันที่จะลาจากปารีส
ผมตะโกนกู่ก้องคำนี้ในใจ
Paris Je t’aime +++
ฉันรักเมืองปารีส โอ๊เย๊พี่น้องง :)

รักปารีส เพราะปารีสเป็นปารีส(ไม่ ฮิลตัน)จริงๆ

เอ้าไปชมกันต่อ อีลิงไปเยี่ยมเยียนที่ไหนมามั่งนะครับ:)
อ้อลืมไป ผมทราบดีว่าผมเป็นคนที่ถ่ายรูปได้ใจวัยรุ่นเขมรราวกับใช้ส้นตีนกดชัตเตอร์
ดังนั้น ทำใจกันหน่อยนะครับ ฮือ T__T

พิพิทธภัณฑ์สถาน Louvreครับผม
เสียดายอย่างยิ่งที่ไม่ได้เข้าไปข้างใน...
ที่ได้ไปชมLouvreนั้นต้องเรียกว่าโชคนำพาวาสนาช่วย ผมอดคิดไม่ได้ว่ามันคือของแถมอุดปากจากทางทัวร์ที่กันไม่ให้พวกเราcomplaintกันเยอะนัก แหง่ะ - -“
Lourveนั้นรายล้อมอยู่ท่ามกลางพระราชวังตุยเลอลีย์ ส่วนที่เป็นพิพิทธภัณฑ์นั้น อยู่ชั้นใต้ดิน ปิรามิดอันกลางนั้น คือทางเข้านั่นเองครับ
ใครดูDa Vinci Codeคงคุ้นเคยกันดี ไอ้ปิรามิดใสๆที่เป็นตำนานอันนี้

เสียงลือเสียงเล่าอ้างเล่ามาว่า ปิรามิดแก้วเนี่ย เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมโยงระหว่างยุคเก่าและยุคใหม่ที่ปารีสต้องเผชิญ
ระหว่างที่ได้ไปพินิจพิเคราะห์ในระยะ10กิโลเมตรแม้วแล้วเนี่ย …
เออ...ผมว่าไอ้นี่มันเข้าท่า
เพราะมันเป็นอะไรที่แสดงให้เห็นเมืองปารีสจริงๆ ที่ทั่วทั้งเมืองนั้นมีสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่กลมกลืนกับของเก่าได้อย่างสวยงาม ไม่กระเด็นกระดอนไปคนละทิศทางมากมายนัก



ทางซ้ายมือไกลลิบๆ คือปิรามิดฉากจบของ Da Vinci Code
ดิ๊นเสียด๊ายยยเสียดายจริงๆที่ไม่ได้เข้าไปชมแม่นางโมนาลิซ่า ไม่ได้ดูคุณพี่ดาวิด ไม่รู้ว่าชาตินี้จะมีโอกาสได้ดูไหม ฮือT_T

เกร็ดเล็กๆน้อยๆคือ คาดกันว่า ต้องไปเกิดใหม่สามชาติเศษๆกว่าท่านจะสามารถใช้ม้ามสูบความงามจากงานศิลปะข้างในนั้นได้หมด เพราะงานศิลปะนั้นถูกรวมรวมไว้ที่Louvreจากทั่วโลกนับพันชิ้น
อย่างไรก็ดี รู้สึกยินดีทีได้มาชม สวยงามครับ



ข้ามมาในเมือง โรงละครโอเปร่าครับผม

หอไอเฟิลครับ
อย่างที่ทราบๆกันดี ในภาษาฝรั่งเศสนั้น สิ่งของนั้นมีการระบุเพศ
หอไอเฟลเนี่ย ส่วนตัวแล้ว ผมว่ามันช่างให้ความรู้สึกแบบmasculineมาก เพราะดูโครงสร้างที่ทำจากเหล็กแล้วนั้น มันช่างดูบึกบึนทะมึนทึนทึบเสียนี่กระไร
หากแต่กระนั้นไซร้...ไม่น่าเชื่อ
เพศของหอไอเฟลเป็นเพศหญิงครับผม La Eiffel

อันนี้ภูมิใจนำเสนอมาก แถวนี้เค้าเรียกย่านมงมาร์ต
ดูรูปแล้ว ใครรู้สึกคุ้นๆลูกตาบ้างไหมครับ
ผมไปถึงแล้วร้องอ๋อออ
ฉากวิ่งไล่จับของหนังฝรั่งเศสที่น่ารักที่สุดเรื่องหนึ่งบนโลกใบนี้
Amelieไง^^


ประตูชัยอันโด่งดังของเมืองปารีส Arc de Triomphe
ถ่ายรูปยากเย็นมากกกกก เพราะว่าคนเยอะและตั้งอยู่กลางถนนจริงๆล่ะครับ
ประตูชัยนี้จักรพรรดินโปเลียนสั่งให้สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะหลังจากไปตีเมืองต่างๆได้ครับ
เนื่องด้วยนโปเลียนนั้นครองได้ทั่วยุโรปจริงๆยกเว้นรัสเซีย ประตูชัยจริงมีอยู่ทั่วไปในหลายประเทศครับ ไม่ว่าจะเป็นอิตาลี หรือสเปน
ตามถนนหนทางของเมืองปารีส มีจักรยานให้เช่าด้วยนะครับ
(ไม่ทราบว่าข้อมูลผิดไหม ฮา)
ได้ยินมาจากภพโน้นว่าจักยานพวกนี้ หยอดเหรียญเช่าได้เลย
เวลาคืนนั้น คืนที่จุดไหนก็ได้ในกรุงปารีสครับ
ถ้ามีโอกาสอยากลองปั่นชมเมืองดูซักครั้ง ท่าจะแนวไม่เลว^^

มหาวิหาร Notre Dame พี่ไทยเรียกว่าโบสถ์แม่พระ
ด้วยลักษณะศิลปะแบบโกธิค โบสถ์นี้จึงให้บรรยากาศแบบสวยเคร่งขรึม
ความสวยงามแบบนี้ ขู่คนที่ไปเยี่ยมชมให้สำรวมตั้งแต่ยังไม่ได้ย่างก้าวเข้าไปว่างั้นเถอะ
Notre Dame มีตำนานมากมายด้วยความคงกระพันผ่านยุคสมัย
แต่ที่เห็นจะยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คงจะเป็น The Hunchback of Notre Dameนั่นเองครับ

อันนี้เค้าเรียก”กิโลศูนย์”ครับผม ตั้งอยู่หน้าNotre Dame
ในยุคโบราณนั้น เครื่องหมายนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง และเป็นตัวบอกทางด้วย
เช่นว่า จะไปเมืองข้างๆ ถ้าเริ่มจากกิโลศูนย์ ต้องไปทางทิศใด อะไรแบบนั้น
อารมณ์ประมาณ เฮ้ย เจอกันที่สนามหลวงว่างั้นเถอะ











ภายในวิหาร Notre Dameครับ
ภาพดำนิดนึง เพราะใช้แฟลชไม่ได้
วันที่ไปนั้น เป็นวันEasterของทางโน้น ดังนั้น จึงได้มีโอกาสชมพิธีมิสซาของชาวคริสตชนด้วย

Notre Dameนั้นเป็นอีกที่ ที่รู้สึกว่า เป็นวาสนาที่ได้มาชมครับ

Tuesday, 21 April 2009

Paris Je t'aime (1)

เอารูปมาให้ชมกันเล่นๆนะครับ^^

ปล. สาระเลวนุกรมฉบับลิงๆข้างล่างนี้ไซร้
อาจจะนำเสนอข้อมูลผิดพลาดไปบ้าง ถูกบ้าง อ่านเอามันส์กันแล้วกันนะเด้อขาจรทั้งหลาย
ถือซะว่าได้อรรถรสไปอีกแบบนะครับ^^
เด็กและเยาวชนโปรดปรึกษาครูสอนสังคมของท่านหลังอ่านจบนะจ๊ะ (ฮ่วย)

วันแรก ลงที่CDGก็เที่ยวเลย หลุมอากาศเยอะเมิ่ก นอนไม่ค่อยจะหลับ เด้งขึ้นเด้งลงทั้งคืน
ที่แรกที่ไปคือพระราชวังVersaillesครับผม และเป็นหนึ่งในไม่กี่ที่ทีได้เข้าชมล่ะ ฮ่วยย





ทางเข้าพระราชวัง งงมากกับป้าย เพราะไม่รู้ว่ามันจะเตือนอะไร
สงสัยให้ระวังรถระเบิด ฮา

ตึกหนึ่ง ซึ่งข้าพเจ้าไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามและประโยชน์ใช้สอยอันใดในบริเวณพระราชวังฮร่ะ
(แล้วมึงจะถ่ายมาทำไมเคอะพี่น้อง- -")
ภายในพระราชวัง เท่าที่ทราบคร่าวๆนะครับ
หลักๆจะแบ่งเป็นสองส่วนนั่นคือ
ส่วนของพระราชาและพระราชินีครับผม

พระราชวังVersaillesนี้ เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์องค์สำคัญๆของฝรั่งเศสหลายองค์
เริ่มตั้งแต่พระเจ้าหลุยส์ที่14 มหาราชของชนชาติฝรั่งเศสยุคRenaissanceทั้งผอง
มหาราชองค์นี้สำคัญยังไง...
จำไม่ได้แล้วพี่น้อง5555 (มึ๊งก็พยายามเกิ๊น อีลิง555)
ต่อจากหลุยส์ที่14 ก็มาเป็นหลุยส์ที่15ซึ่งเป็นพระหลาน(เอ...หรือเหลน - -")

ผมสงสัยมาก ว่าทำไมถึงเป็นหลานหรือเหลนได้ขึ้นครองราชย์ ไม่ใช่รุ่นลูก
ไกด์ให้คำตอบว่า เพราะองค์หลุยส์ที่4มีพระชนม์ชีพยืนยาวมาก รุ่นลูกไปหมดก่อนนั่นล่ะครับ

กษัตริย์หลุยส์ที่15ได้ขึ้นครองราชย์ต่อด้วยความสงบร่มเย็นของยุโรป
เกร็ดเล็กๆน้อยๆที่ไกด์เล่าห้ฟัง ณ ช่วงนี้คือ
พระราชินีของพระเจ้าหลุยส์ที่15 ในช่วงเวลา10ปี ลูก8คน
หญิง6ชาย2
โอร้วววว....


เข้ามาข้างใน ลำดับห้องไม่เรียงนักนะครับ
ห้องนี้เรียกขอเรียกว่าห้องกระจก(ใช่แมะ ความจำเริ่มเลอะเทอะ)
เป็นห้องที่มีความสำคัญมาก
เพราะท้องพระโรงแห่งนี้ เป็นที่ที่เจ้าพระยาโกษา(ปาน)ของเราได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่14ในวโรกาสผูกสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศสครับ

ไกด์เล่าว่า ด้วยประเพณีหมอบคลานอันแสนน่าจะภูมิใจของเรา พระเจ้าหลุยส์ที่14จึงโปรดมาก


พระราชินีมารีอังตัวแนตต์
เจ้าของวลีในตำนาน
"Si no tienen pan, que coman pasteles" (หวังว่าคงไม่หน้าแหก ผิดไหมเนี่ย ฮือ)
"If they have no bread, let them eat cake"

โปรดสังเกตุตรงมุมภาพ ไกลลิบๆ
ตู้สีน้ำตาลใบนั้น ปัจจุบันนี้ยังคงเก็บรักษาอยู่ที่พระราชวังครับ

เตียงนอนของพระนางมารีอังตัวแนตต์
เป็นบุญตาที่ได้ชม เพราะเตียงหลังนี้คือเตียงจริงๆของพระนางครับ

รูปนี้ ไกด์ชี้ให้ชม
สังเกตุเห็นความประหลาดอะไรไหมพี่น้อง
ลองหาดูสนุกๆเด้อ...


เฉลย..โปรดสังเกตุสัดส่วนของม้าและบุรุษในภาพสิครับ สัดส่วนนั้นเท่าเทียมกัน

หนึ่งในรูปภาพที่พระราชวังครับ
ภาพนี้ก็แปลกอีก..
จักรพรรดินโปเลียนกำลังสวมมงกุฏให้กับพระนางโจเซฟีนในพิธีพระราชสมรส
แปลก...เพราะว่าปรกติผู้ที่จะสวมมงกุฏให้ราชาและราชินีจะเป็นองค์Popeครับ


ออกมาข้างนอกแล้ว
จำชื่อไม่ได้ แต่อนุสาวรีย์แห่งนี้เป็นที่ฝังพระศพของมหาจักรพรรดินโปเลียนครับ


ร้านกาแฟแห่งนี้ เหมือนจะเป็นร้านทั่วไปธรรมดา
แต่มีประวัติศาสตร์ที่ว่า เป็นร้านที่ท่านปรีดี พนมยงค์แวะมานั่งทุกวันตอนเช้ายามที่ท่านพำนักที่ประเทศนี้

อันนี้ก็ประวัติศาสตร์อีก
อุโมงค์นี้ เป็นบริเวณที่Lady Dianaประสบอุบัติเหตุครับ
ระยะทางจากทางเข้าไปสู่ทางออกสั้นมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น


เอาซะหน่อย เดี๋ยวโดนข้อหาเที่ยวลวงโลก
Parisเป็นเมืองที่ผมและใครหลายคนลงความเห็นว่าประทับใจมากที่สุดแล้วครับจากหลายๆเมืองที่เราแวะเวียนไปมากัน
ทั่วมหานครปารีสนั้นมีโบราณสถานสวยงามมากมายทั้งเก่าและใหม่
แต่ละที่ น่าใช้เวลาลงไปนั่งมองซักที่ละสองสามชม.มากๆครับ
อยากไปอีกปารีส ^^

Monday, 20 April 2009

ไปเที่ยว:บ่น

สวัสดีเมืองไทย
กลับมาแล้วนะครับ เป็นทริปที่ลากสังขารเหนื่อยเมิ่กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกพี่น้องประชาโชนนนน
เหนื่อย เพราะโปรแกรมยัดเยียด+เยียดยัด
เหนื่อย เพราะระหกระเหินไปมา3ประเทศ กับอีก1ประเทศแถม
เที่ยวละไมไปกับนายลิงงวดนี้ ไปไหนกันบ้างโปรดตามชม แต่นแต๊นนน

นอกเรื่องนิดนึง ที่ผ่านมานั้น ผมปิดเมนท์ เพราะผมแค่อยากเขียนอะไรที่ผมอยากเขียน
อะไรที่มันวุ่นวายและสกปรก ผมไม่อยากยุ่ง
ขอบพระคุณทุกท่าน(ยังมีชีวิตกันอยู่ม๊ายย ขอเสียงหน่อยยย โอรกกก)ที่แวะเวียนมาอ่านไดอะรี่สะเปะสะปะหนึ่งในความทรงจำของผมกันนะคร้าบบ^^

คุณนกยูงให้คำจำกัดความว่าทัวร์แบบนี้ เค้าเรียก”ทัวร์นกขมิ้น”
ไกด์ออกตัวตั้งแต่การบินไทยยังปลูกผักทำcarteringอยู่เลยว่า”ทัวร์นี้นับว่าถูกแล้วนะครับ” (อ้อค่ะ ดิ๊นจะได้เตรียมกระติ๊บไปด้วย)
ผมนิยามว่า มันคือ “ทัวร์คุก” (เพราะส่วนใหญ่ได้ดูแต่จากบนรถ น่าสงสารเนอะ ฮือ T_T)
ในขณะที่Driver ชาวยุโรปเรียกคณะทัวร์ไทยแบบนี้ว่า “Toilet Tour”

ทำไมถึงจั่วหัวทัวร์นี้ได้สารเลวแบบนี้เรอะครับ
เพราะทัวร์นี้ เป็นทัวร์ที่ทำให้กระพ๊มและเพื่อนร่วมชะตากรรม “ไม่ถึง”
“ไม่ถึง”….เหมือนในชีวิตจริงกระพ๊มนั่นแร้ทั่นผู้โชมมมมม (ห่วยห่วยเสื่อมเสื่อม ฮ่วย)

อุตส่าห์ไปถึงที่แล้ว นี่ไง ฝรั่งเศส สวิส อิตาลี ดินแดนในฝัน กรี๊ดดด ดิ๊นตื่นเต้ลล
แต่ แต่ แต่…
ไฉนพากรูลงไปเดินชมแต่ละอย่างนี่ได้ชะเวิ้บชะว้าบสิบวินาทีปีแสงแบบนั้นล่ะคะพี่น้อง?
เฮ้ย กูยังไม่ทันได้ชื่นชมพระพักตร์ท่านนโปเลียนเลย เห็นแต่หัวล้านส่องแสงรำไรอยู่ตรงโน้น
โอร้วว ปีระมิดที่ลูฟวร์(ยังอุตส่าห์แถมให้ นอกโปรแกรม)
ขณะที่กระพ๊มกำลังใช้ม้ามสูบความงามของพระราชวังตุยเลอลีย์
สิบวินาทีแม้วผ่านไป...อีไกด์มาแระ มาเผาหัวเราทั้งผอง ไปคร้าบขึ้นรถ
กรี๊ดดดด....ดิ๊นยังไม่ทันได้ไปสัมผัสกระจกนอกโลกที่เป็นตำนานอันนั้นเลยนะเคอะ
ใครนึกภาพไม่ออก....นึกถึงสถานการณ์ที่คุณนั่งซาเล้งชมเมือง ผมปลิวสยายเป็นแฟซ่า พร้อมกับผ่านประตูชัยที่ไม่รู้ว่าชาตินี้คุณจะได้มาเห็นอีกหรือเปล่าในเวลาชั่ว3ไมโครตอนวินาทีสิครับ

ก็เข้าใจว่าเวลามันจำกัด เงินจำกัด อะไรอีกหลายอย่าง
แต่ก็ยังเคืองอยู่ดี เคืองเพราะกว่าจะรู้ก็สายที่ทัวร์นี้มัน”ถูก”
“ถูก” เพราะมันให้กูดูแต่ภายนอก ไม่ให้เข้าไปดูอะไรซักอย่าง
มันเหมือนเสียเที่ยวอ่ะครับ ไปถึงลูฟวร์แล้ว ไม่ได้ดูแม่นางโมนาลิซ่า
ไปถึงโคลอสเซียมแล้ว ไม่ได้เข้าไปเดินชมสเตเดี้ยมภายใน
ไปถึงหอเอนแล้ว ไม่ได้ขึ้นไปชม...
ไปถึงเวนิสแล้ว ไม่ได้ขึ้นเรือGondole(ที่เค้าพายๆกันนั่นล่ะครับ)
“ไม่ถึง”แบบนี้แล้ว กรูจะทุบหม้อทุบไหไปไกลถึงยุโรปทำไมฟระคะ หืม??

อ้อขออธิบายนิดนึง จากข้างบน อันนี้สืบทราบมาว่าพวกdriverยุโรป ชอบเรียกพวกเราทัวร์ไทยแบบนี้
“Toilet tour” หรือทัวร์ส้วมส้วมนั้นล่ะครับ
สาเหตุที่เค้าเรียกพวกเราแบบนี้ ที่มาบอกว่าเค้าเรียกเรา เพราะความเอ็นดู
ทัวร์ไทยน่ารักน่าเลิฟในสายตาพวกเค้านะเออ....
ชาติที่นรกแตกแหกมดลูกสำหรับพวกdriverยุโรปที่สุดนั้นคือ เอ่อ ไม่ต้องเดาม้างง...
คนจีน รองลงมา เกาหลีที่รักและเคารพ
ทัวร์จีนนี่ (มิได้มีเจตนาด่าคนชาติเดียวกัน แต่ฟังแล้วดิ๊นแอบอ้าปากค้าง)
ตำนานเล่าว่าเค้าเคยรับทัวร์จีนมาหนนึง
โอ้แม่เจ้า พี่ท่านสาด&ขากน้ำลาย จามฯลฯ ข้ามหัวกันไปมาดังฟิ้วววว ฟิ้ววววววว
มีรายนึง ตอนจอดรถพัก อาเฮียคนนึงนั่งจามไปมาอยู่ในรถ
พอจามมากๆเข้า น้ำมูกก็ไหล พี่แกทำไงรู้ไหมท่านมหาฯ?
แกเอาม่านข้างของรถมาเช็ดน้ำมูก ฟึ๊ดดดด ซะงั้น พี่น้อง
โอ้ว ไอจะเช็ดรถยางง๊ายยยย

อ่ะเข้าเรื่อง..
ที่ว่าทัวร์ไทยน่ารัก เพราะคนไทยเรียบร้อย สะอาด ไม่เรื่องมาก
เสียอย่างเดียว ฝรั่งงง ทำไมคนไทยแวะเข้าห้องน้ำบ่อยเกิ๊น
เรื่องนี้พี่ไกด์อธิบายไปว่า เพราะคนไทยทานน้ำทีเป็นลิตร เหตุเพราะมาจากเมืองร้อน
ไม่เหมือนกับฝรั่งที่ทานน้ำแบบจิบๆไงล่ะเจ้า

อีกเรื่องที่ไม่บ่นไม่ได้ เรื่องโรงแรมและอาหารการกิน
พี่น้องคะ อิชั้นรับไม่ได้อย่างแรงค่ะ มึงพากูไปนอนม่านรูดทุกคืนเลยนะคะ
มีคืนนึงผ้าห่มแม่งก็ไม่มี แอร์ไม่มีไม่ว่า เอาวะเปิดหน้าต่างเอาก็ได้กูไม่ว่า
แต่...หน้าต่างเสือกเสียอีกค่ะ เปิดไม่ออก
ครั้นจะโทรไปบอกที่receptionให้หาคนมาซ่อมหน่อย
แม่งก็ไม่มีคนรับค่ะ สงสัยไปลาตายกันหมดแล้วตอนนั้น
มึงจะให้กูตายเป็นมัมมี่ในนี้เรอะฟระคะ

ไปทานอาหาร มีมื้อนึงที่Venice
ร้านนี้ผมจะจำไปจนวันตาย....
ตั้งแต่ไปทัวร์มาไม่เคยเจอแบบนี้เลย โอ้แม่เจ้า
นั่นคือ...อาหารทุกจาน ไม่มีเนื้อเลยค่ะพี่น้อง ผักล้วนๆ
ผมได้ยินเด็กๆโต๊ะข้างๆถามขึ้นมา
แม่ๆ มื้อนี้อาหารเจเหรอคะ?? (พี่ก็สงสัยค่ะน้องงง กูนึกว่ากูมาทัวร์ไหว้เจ้าเมืองจีน)
อีทัวร์...มึงทำแสบมาก
เคือง เพราะมึงทำมื้อที่ควรจะแสนโรแมนติกที่เวนิสพังพาบพินาศยับเยินไม่มีชิ้นดี

สรุป...เป็นความซวยของพวกเราเอง
ที่มาเจอทัวร์ชั้นหวานเย็น...
พรุ่งนี้มาชมรูปกันเด้อ^^

Thursday, 16 April 2009

Ciao~Italia

i've made it to Italy.
before the country, it was Luzern,Switzerland.
to me, Swit is very impressive in every aspect, nature, people, or food.
the only prob of Swit is the crazy cost of living.

In my case,Mcdonald cud be as standard ( like Mama555)
McChicken set costs Franc 11, or around 330 Baht.
i dunno how the prople can live in this sanity.Oh my....
well, i love Swit. Great country. one day,i'll be back here again.

For today, i've been to Venice, Italy.
It's called Venezia here.
well,it's not as impress as expected. Italianos were so cold and lousy to tourists.
i got a very bad incident at Louis Vuitton. i'll make a compliant for sure.

Before i came here, i used to hear the notority of Italianos.
today,ive seen it myself. they always look down on Asian.
Another group of Thai tourist was walking along a street, in the mean time, a teenage gangster was shouting at them "wowww &$%" Bruce Lee"
Bruce Lee word is very rude.
there are heaps of upset things here,ill make it later.

we are headng to Milan tomorrow, and it will b our last day in Europe.
lastly, i love u so much missy.

Sunday, 12 April 2009

Hey Paris;)

hey there everyone,

just for my memoir, dunwanna show off,this is my 2nd day in Paris.
the trip has been very tiresome for me really, cos they take us running around with no break.
foods here r awful too.well, it might be me that cant get Parisian taste.

ive got K.Peafowl Lanchamp bag.good price.ill go for loccitane today.
unfortunately,its been Easter, so most shops r close.
every thing here is too dear,n i cant afford one cuppa.
hell that one costs Bht 250.However,the taste is worthwhile.

one most irritating thing is,i just have realized that the tour is cheap,cos we r goin to miss many of the hilites.
Notre Dame,lurve,Musuem,etc...
i regret this.i really wanna for Notre Dame.its so historical.

also,keyboard here has different layout.oh man where is at sign?

i really miss my missy.love only u ms.peafowl.
i told her not to worry tha ill have an eye on other girl.
easy,cos im the most beautiful in the group. the rest all have Farah hair do.oh my, how old r they?

take care u visitor;°) enjoy Songkran.

Friday, 10 April 2009

สงกรานต์

สงกรานต์ไปเที่ยวไหนกันบ้างครับผม
ยังไงทุกท่านที่แวะเวียนมาอ่าน เดินทางกันปลอดภัย เที่ยวกันให้สนุกนะครับ^^

แล้วจะเอารูปมาให้ดูกัน (พี่เสื้อแดงคะ ปราณีสนามบินดิชั้นเถอะนะคะ)
ไม่อยากไปเลย เพราะต้องคิดถึงอีป้ามากๆแน่ๆ ฮือT_T

คุณนกยูงครับ ดูแลตัวเองนะครับ
จะไม่นอกใจ และจะคิดถึงทุกวันนะจ๊ะ

สวัสดีปีใหม่ไทยล่วงหน้าจ้า^^

Wednesday, 8 April 2009

หน้าแห๊ก

วันนี้ มีเหตุการณ์หน้าแหกกกกกกกกกกกกกกกกกกว่ะพี่น้อง
แหกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกประหนึ่งสองกลีบตู๊ด
เป็นอีกวันที่ดิ๊นอับอายขายขี้หน้าเมิ่ก ไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้กับตัวเองจนได้

วันนี้มีเทรนพนักงานใหม่ที่บ.ครับ
เป็นหน้าที่ของซุปหน่อไม้ของแต่ละแผนกที่เราๆจะต้องลงไปpresentหรือแนะนำขอบข่ายงานของแผนกให้ทุกท่านฟังกัน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการเทรนพนง.ใหม่
ผมลงไปทำหน้าที่เช่นเคย เตรียมpowerpointไปด้วยใส่ไปในHandy drive

วันนี้ผมลืมเอาHDของผมมา ผมจึงขอยืมของไอ้ลูกน้อง พร้อมบอกให้มันใส่ไฟล์presentไว้ให้ด้วย
ด้วยความไว้ใจ ผมจึงไม่ได้เช็คไฟล์ก่อนที่จะลงไปpresentครับ ประกอบกับมันยื่นให้หน้าตาเฉย ผมจึงเชื่อสนิทใจว่า มันต้องเรียบร้อย

ที่ไหนได้....
เปิดMy computerขึ้นมา อิช้านรู้สึกอยากลงไปตายมลายหายไปเดี๋ยวนั้น
ผมเหลือบไปเห็นพี่ๆพนง.ใหม่ผู้ชายหลายท่านแอบหัวเราะหึๆ



นารุโตะXXX
นารุโตะXXX
นารุโตะXXX


โอร้วววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว
ดิ๊นอยากต๊ายยยอยากตายยค้า

เฉิ่มระเบิดทริป:อัมพวา

หยุดยาวที่ผ่านมา ไปเที่ยวอัมพวามาครับผม
สนุกดี เกิดมาไม่เคยไปอัมพวาเลย - -" เชยเมิ่ก
เสียดายที่ไปได้แค่ไปเช้าเย็นกลับ เพราะอีแม่ป้าต้องกลับเขมรวันรุ่งขึ้นครับผม
ไปดูรูปกันดีกั่วพี่น้อง(ยังมีใครอ่านอยู่บ้างม๊ายย ฮือTT)

คุณนกยูง ณ ตลาดน้ำอัมพวา


เนื่องด้วยเป็นวันหยุดยาว คนเลยเยอะมากกกกกกกกกกกกก
ให้อารมณ์จตุจักรสุดๆไปเลยพี่น้อง
ทานข้าวเที่ยง ณ บ้านชมจันทร์ (ใช่ป่าวป้า แง๊ว)


ไหว้พระที่วัดค่ายบางกุ้งเจ้า
คราวหน้าจะไปค้างให้ได้
อยากดูหิ่งห้อย อยากนั่งเรือชมวิว อยากนอนHomestayอยาก อยาก ฯลฯ

Tuesday, 7 April 2009

เพื่อนกิน

ขอบ่นหน่อยเห้อ เรื่องไอ้เพื่อน...
เพื่อนที่ตกลงคบกันไปคบกันมา ไม่รู้ว่ามันรักกันจริง หรือมันรักผลประโยชน์พลอยได้กันแน่
หมายเหตุ:ไดหน้านี้ไม่ได้ตั้งใจจะเอาเพื่อนมานินทาหรืออย่างไร
แค่อยากบ่น เป็นอีกหนึ่งมุมของอารมณ์ที่เบื่อ เหนื่อยและเซ็งเท่านั้น

ไอ้เพื่อนคนนี้ ในที่นี้ผมขอเรียกมันว่า"ที"แล้วกัน
ทีเป็นเพื่อนกับผมตั้งแต่สมัยยังเด็ก ความสัมพันธ์นั้น ผมถือว่ามันก็เป็นพี่น้อง โตมาด้วยกัน เรียนหนังสือมาด้วยกัน
ด้วยความที่ทีเป็นทอมเหมือนกัน ชอบอะไรเหมือนๆกัน ผมจึงสนิทกับทีมากๆ

มาพักหลัง ผมไม่รู้ว่าทีเปลี่ยนไปเพราะตามวัยหรือสังคมที่มันอยู่
พักหลังๆนี่อะไรๆมันชักยังไง หลายๆอย่างทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า
เออ...หรือมึงคบกะกูเพราะผลประโยชน์กันแน่หนอ?
ทุกครั้งที่ผมจมอยู่ในความคิดนี้ ผมจะรีบเลิกคิด และโกรธตัวเองอยู่เสมอว่า
เฮ้ยมัยไม่จริงหรอก มึงน่ะคิดมากเกินไปแล้วไอ้ลิง มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก
แต่ผมเริ่มเปลี่ยนความคิด หลังจาก2เหตุการณ์นี้

ช่วงเทษกาลตรุษจีน
ทีมาเลียบๆเคียงๆถามถึงของสิ่งหนึ่งของผมที่ไม่ได้ใช้แล้ว
พูดประมาณว่า เออ กูขอผ่อนได้ไหม กูจำเป็นใช้จริงๆ ยังงั้นยังงี้
ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานานมาก ผมไม่คิดจะอยากได้เงินอะไรจากมันหรอก ให้ได้ก็ให้
ถือว่าช่วยๆกันไป...

มาถึงวันที่ผมจะส่งของไปให้ ผมนึกขึ้นได้ เออเฮ้ย มันยังไม่ได้คืนเงินกูนี่หว่า
เงินก้อนนี้ไม่ได้มากมายอะไรหรอกนะครับ แต่ผมคิดแค่ว่า เออ ให้มันโอนมาคืน จะได้ถัวๆกันไป
ค่าของกูไม่คิด แค่เอาเงินตรงนี้มาจ่ายเป็นค่าส่งก็ได้เนอะ
ไอ้เพื่อนมันจะได้ไม่ลำบากใจที่ผมส่งของไปให้มันด้วย

วันนั้นวันตรุจีน
สิ่นสุดคำขอของผมนั้น มันทำเสียงหงุดหงิด และตอบกลับมาว่า
เฮ้ยมึง พูดเรื่องดีๆเหอะ วันนี้วันดี
เออ...กูผิดเองแหละที่ไปทวงเงินมึง
กูน่าจะรู้อยู่แล้วว่ามึงไม่จ่ายหรอก

หลังจากเรื่องนั้น..ผมเสียความรู้สึกกับเพื่อนคนนี้มาก
นี่เป็นจุดที่ผมฉุกคิดความคิดนี้ขึ้นมา
เออ..ตกลงมึงเป็นเพื่อนกะกู เพราะกูมีเงินใช่ไหม?(หมั่นไส้ หมั่นไส้)

เมื่ออ.ก่อน มันโทรมาอีก...เรื่องเดิมๆ
เฮ้ยมึง คุณนกยูงจะกลับมาจากเขมรใช่ไหม
กูฝากซื้อบุหรี่หน่อยสิ เอาCapriนะเว้ย หรือไม่ก็Esseiก็ได้

ผมฟังแล้วได้แต่ถอนหายใจ...
อืม..คำว่าฝากซื้อของมึงเนี่ย มันคือให้กูซื้อให้ และมึงจะไม่จ่ายเงินใช่ไหม
หลังจากนั้นมา มันโทรมาพูดเรื่องนี้กะผมทุกวัน
เฮ้ย บอกคุณนกยูงยัง อย่าลืมซื้อให้กูนะ ฯลฯ

ด้วยความที่รอบนี้คุณนกยูงกลับมาแบบฉุกละหุกมาก เธอจึงไปซื้อให้ไม่ทัน
เมื่อวานนี้ มันโทรมาอีก เฮ้ยคุณนกยูงกลับมายัง
แล้วซื้อบุหรี่มาให้กูป่าว

ผมตอบ ป่าววะ เพราะคุณนกยูงมาแบบกระทันหันมาก แวะไปซื้อไม่ทันจริงๆว่ะ มึงซื้อโร่อะไรไปก่อนแล้วกันนะเพื่อน
จากที่ก่อนหน้านี้เราคุยกันสนุกสนานไปตามเรื่อง...
สิ้นเสียงคำตอบของผมนั้น ทีทำเสียงไม่พอใจและเย็นชา
อ้าว แล้วเมื่อไหร่กูจะได้บุหรี่ล่ะเนี่ย
เออๆงั้นแค่นี้นะ

มาวันนี้กูรู้แล้ว
เรื่องคราวที่แล้วที่กูกะมึงทะเลาะกัน กูคิดไม่ผิด
มึงมันก็แค่เพื่อนกินคนนึงเท่านั้น

Sunday, 5 April 2009

สะดุ้งตื่น

เมื่อเช้านี้ กำลังนอนอุตุฝันดีอยู่อย่างสงบสุข
หลังจากนอนไม่พอมาหลายวัน ผมจึงนอนหลับลึกมาก
ปรกติผมเป็นคนที่นอนแล้วไปเฝ้าพระอินทร์แบบไม่รู้เรื่อง
ฟ้าถล่มดินทลายยังไงก็ไม่ตืนง่ายๆว่างั้นเถอะ
ไปผับยังหลับมาแล้ว คิดดูแล้วกันท่านผู้โชม

ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!
ผมตกใจสะดุ้งตื่น หน้าตาเหรอหราพร้อมร้องเฮ้ย อะไร อะไร

หันไปข้างๆ เห็นอีป้านอนคลุมโปงส่ายตูดไปมาดุ๊กดิ๊ก
พร้อมหัวเราะคิกคักๆอยู่

ฮ่วยยยยยยยยยยยยยย
อีป้าา
นั่นสาบานว่าเสียงตดมึงเรอะฟระคะพี่น้อง
อีป้ายังคงหัวเราะคิกคักต่อไป
เอาน่าแห้งงงงไม่เหม็นหรอกกกก

ประทับใจมาก บันทึกไว้เลย
เกิดมา28ปี ไม่เคยเคยมีใครตดจนอิช้านตื่นได้
โอ้วววว....เช้านี้ช่างเป็นเช้าที่สดใส55555

Thursday, 2 April 2009

It's Anniversay!!!

วันที่30มีค.ที่ผ่านมา
ตายแร้นพี่น้อง...
แม่เจ้า...มันไม่น่าเชื่อ(ว่ากรูจะซ๊วยซวยมาปีนึงแล้ว ฮา โอ๋ ล้อเล่ง)
It's our 1st Anniversay!!!!

Anniตั้งแต่แม่นกยูงที่น่าสงสารบินหลงมาจากเขมรด้วยซวยพาวเวอร์มาอ่านไดเลสล่าของกระพ๊มนั่นล่ะ
ผ่านมาปีนึงแล้ว ทะเลาะกันบ้าง จูบปากกันบ้างตามธรรมเนียมโลก...

ถึงมันจะเป็นปีที่ขลุกขลัก (ทะเลาะกันเยอะลูกดกนะเออ โบราณว่า)
(อ๊ะ ดิ๊นเถียงค่ะว่าปัจจุบันนี้ไม่จริ๊งงงค่ะไม่จริง555)
อย่างน้อย สิ่งที่ผมได้เห็นคือ ความรักมันโตขึ้น พัฒนาขึ้น จากอะไรที่เรียกว่าศูนย์

จากวันที่ผมคิดว่า แอร๊ย อีป้าเขมรนี่ มันเป็นแก๊งค์ลักเครื่องในจากเขมรหรือเปล่าฟระ
และวันที่เธอคิดว่า เด็กห้าสส์อะไรเนี่ย อายุน้อยกว่า แต่ประสาทแดกและหน้าแก่กว่ากรูอีก อีกทั้งห่วยแอนด์เสื่อมจะพึ่งพาอะไรกะมันได้บ้างมั้ยเนี่ย ฮ่วย
มาเป็นวันนี้...วันครบรอบโรงเรียนอนุบาลก.ไก่ ค.ควาย จัดตั้งมาครบหนึ่งปี
ปีถัดไป ผมหวังว่า schoo of love(ว้าย โรงเรียนรัก ข้อยฮักหล่าย- เสียงเชียร์ดังมาจากฝั่งโขง)
มันจะกลายเป็นรร. มัธยม อาชีวะ (ไม่เอาด้ายม๊าย) มหาลัย อะไรก็ว่ากันไป...

ผมคิดเสมอว่าผมนั้นแสนจะโชคดี
อีแม่ป้าเป็นคนน่ารัก เป็นคนรักที่แสนดี(scriptมันจัดให้ - -") เป็นเมียที่เหวี่ยงกรูเช้าเหวี่ยงกรูเย็น เป็นสุดยอดพธูไทยในเขมรที่ผมแสนจะภูมิใจในOtopของเธอ

ถึงจะทะเลาะกันบ้าง งี่เง่าใส่กันบ้าง เหนื่อยบ้างอะไรบ้าง
แต่ แต่ แต่...
ความรักชนะทุกสิ่ง Love conquers all
ความเข้าใจเท่านั้นที่ปกครองโลกนะเออ


ผมก็ไม่ทราบว่าปีหน้าผมยังจะมีโอกาสมีวาระนี้อยู่หรือเปล่า
เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ โลกเรายังร้อนขึ้นทุกวัน คนเราก็เปลี่ยนทุกวันเหมือนกัน
ผมขอให้เราสองคนมีวาสนารักกันให้ดีที่สุดเท่านั้นพอ
ไม่มีไผมากล้ำกลายทำลายสถาบันครอบครัว ความรักเราไม่เน่าไม่เสื่อมตามเวลา
ขอให้love rangerปกป้องคุ้มครองเรา(บี้ เดอะมอลล์-เขียนเองอวกกกกกกกกกกกกเอง)
ช่วยให้เราอยู่กันไปนานแสนนานเด้อค้า

อยากอยู่ไปนานๆ อยากมีอีป้าทุกวัน(ผู้ชมเริ่มมีคลื่นเหียร โอรก โอรก - -")
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยด้วยเด้อเจ้าข้า

รักนะจ๊ะ แม่นกยูง^^

ปล.Anniแบบนี้ อิช้านเตรียมของขวัญได้แร้น ด้วยแรงแห่งพุทธิปัญญา
เหมาะสมกับสถานการณ์ความรักเราเป็นที่สุด
เอาไปเลยพี่น้อง
-ธูป1ห่อ
-เทียน1แพ
-กราบเบญจางคประดิษฐ์3ทีถ้วน

ไหว้เช้าไหว้เย็น แม่ทูนหัว (เฮี้ยนน้อยๆหน่อยนะจ๊ะ ฮา)
ด้วยรักและเคารพ...จากลิงกังสุดหล่อ

Wednesday, 1 April 2009

Elegant Swanเน่อะ

มีอีกเรื่องนึงอยากบันทึกไว้
ส่วนตัวแล้ว เป็นอะไรที่ขำเมิ่กก


พี่ที่ทำงานคนนึง นามสมมุติว่าพี่แอ๊บเกือบเป็นทักษอร
พี่แอ๊บเป็นทักษอรเนี่ย แกเป็นผู้ชายไทยผิวเข้มปื้ด พร้อมด้วยพันธุกรรมของธิดาวานรอยู่เต็มเปี่ยม(ดิ๊นจะโดนรดน้ำกรดไหมคะ)
ด้วยร่างบึกบึนทมึนทึนทึบ การันตีด้วยรางวัลมิสเตอร์กรรมกรแห่งชาติแล้วไซร้
มันจึงขัดกับสีปากของแก ที่นับวันจะยิ่งแดงขึ้น แดงขึ้นจากสีมิดหมีของแกนั้นตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำงานใหม่ๆ
อย่างไรก็ดี...พี่แอ๊บเป็นทักษอรเนี่ยถือว่าเป็นพี่ที่น่ารัก ติดต่องานไม่เคยมีปัญหาเลยซักครั้งครับผม

วันนึง...พี่แอ๊บเป็นทักษอรเดินมา ผมผงะไปสามวิ
ว๊ายย แกไปคาบไฟจราจรที่ไหนมาคะนั่น ปากแด๊งงแดงมากเชียวนะคะ
เอ..หรือพี่เป็นกุมารทองคะ

ผมหันไปถามไอ้กวาง เฮ้ยกวาง เอ่อ เอิ่ม
เอ็งว่าพี่เค้าเป็นกระทะมั้ยวะ เอ็งดูปากเค้าเด้
บักกวางหัวเราะร่า เออ..หนูก็ไม่ค่อยแน่ใจค่ะเจ๊

เวลาผ่านไป...สีปากของพี่แอ๊บเป็นทักษอรเข้มขึ้นๆตามกาลเวลา
ในครั้งหนึ่ง..ด้วยความที่เราต้องดีลงานกัน แต่แกไม่สามารถโหลดรูปที่ใช้ในงานลงมือถือแกและส่งมาให้ผมได้
แกเดินมา พร้อมเสนอ เอางี้แล้วกัน พี่ส่งให้คุณลิงผ่านทางBluetoothได้ไหมครับ?
อ๋อ ได้ค่ะๆ งั้นเปิดBluetoothนะคะ

เอ...ว่าแต่พี่ใช้นิคอะไรคะ มันมีหลายชื่อแถวนี้เต็มไปหมดค่ะ
อ้อ ชื่อพี่ "Elegant Swan"ครับ
ทันใดนั้น...สติของผมหลุดไปสูบส้วมได้ประมาณสามวินาที ก่อนจะตั้งสติกลับมาได้
โอเคค่ะพี่ เห็นแล้วค่ะส่งมาได้เลย

ทันทีที่พี่แอ๊บกว่าทักษอรเดินจากไปนั้น
เจ๊กวางเดินเข้ามาถามผมอย่างเร่งรีบตามประสาCNNสายอีสานบ้านเฮาว่า
เจ๊คะๆ ไอ้Elegant Swanนี่มันแปลว่าอะไรคะเจ๊
ผมทำท่าอึไม่ออก บอกไม่ถูก
แปลว่า "หงส์ผู้สง่างาม"ว่ะกวาง

55555555555+ เราสองคนระเบิดเสียงหัวเราะ
เจ๊ ปริศนาไขกระจ่างแล้ว ตกลงเค้าเป็นกระทะจริงๆล่ะนะเจ๊
ผมแย้ง เฮ้ย ไม่ใช่ม้างง
เค้าอาจจะรักLiverpooสุดใจขาดดิ้นเลยก็ได้เลยนะเฟร้ยกวาง
555555+

แร๊งงงง...

เมื่อเช้านี้ ผมนึกว่าเป็นอีกเช้าการทำงานนี่น่าจะเหนื่อยหน่าย
เพราะมีsupplierมาพบตั้งหลายเจ้าครับ
เวลาsupplierมาทีไร มันคือการชิงจังหวะแข่งกัน”ชิ่ง”
นั่นคือ อิช้านต้องชิ่งลุกหนีไปก่อนมัน หรือมันต้องรีบพูด+presentโปรเจ็คล้านแปดของมันให้ทันก่อนผมจะตัดบทเดินหนีไปนั่นแร้…

ถึงแม้กระพ๊มจะแต่งชุดอะไรก็ได้มาทำงานนั้นไซร้... กระพ๊มยังต้องแขวนบัตรพนักงาน
วันนี้...ผมเพิ่งได้ทราบเองว่า บัตรพนักงานผมนี้ผีสิงและมีแรงสาปแช่งจากเขมรอยู่
ของเขมรเค้าแรงเจงแจง เหอ เหอ =.=’

ในการนี้...อีแม่ป้าผมมันมองการณ์ไกล..
อีป้าจัดแจงเอาสายห้อยเกรูเด้(นามสมมุติ)แอร์ไลน์มาให้ผมห้อยบัตรพนักงาน
วันนี้ผมก็ใส่มันไปพบลูกค้าเช่นเคย...

โอ้แม่เจ้าเว้ย...
วันนี้คุณด๊องแด๊ง ณ บริษัทสมเสร็จค่ะ มานี่หว่า
คุณด๊องแด๊งนี่เธอเป็นสาวสวยสไตล์เซลล์นั่นล่ะครับ หน้าตาจิ้มลิ้ม ยิ้มหวานละไม แต่งตัวดีงาม เพราะเป็นสาวสวยแบ็ดเสร็จมาจากประตูน้ำแพลตตินั่มอะไรเทือกนั้น

วันนี้คุณด๊องแด๊งมาพร้อมกับชายโฉดหนึ่งหนุ่ม รูปร่างสูงกำยำ หน้าตาเหมือนบ๊วย
อิช้านคิด..ฮ่วย มึงหน้าตายังงี้มาเป็นเซลล์เรอะ ไป๊ ไปขายแปรงขัดส้วม
ที่สำคัญ...มึงนี่นะ ขัดลาภโดยแท้ ฮ่วยยยย
ขอกรูนั่งคุยกับคนสวยๆให้ชื่นอุราซัก10 20นาทีบ้างไม่ได้เรอะ นี่เมิงทำบาปกับผู้สูงอายุและขาดแคลนชะนีสวยๆในชีวิตแบบกรูนะเฟร้ยพี่น้อง...

นั่งคุยกัน ได้ทราบว่าคุณด๊องแด๊งจะลาออกแล้ว เธอจะไปเรียนต่อเดือนหน้านี้ (โฮกกกกกกกกกกT__T come back come back)
เธอเลยพาน้องแมนสุดติ่งท่านนี้มาแนะนำให้ผมรู้จัก
(ต่อไป กรูต้องตกนรกกะความกำยำของมึงสินะ ฮือ T__T สงสารตัวเองค่ะ)

หลังจากที่ได้ทราบข่าวดังนั้น ผมมีดำริคิดที่จะขออีเมล์เธอไว้ เผื่อยังไงไว้ได้คุยกันบ้าง
สาบานว่ามิได้คิดอกุศล นะเจ้า หากแต่เราอายุไล่เลี่ยกัน และคุยกันถูกคออ่ะครับ

คุยไปคุยมา อืม ไว้เดี๋ยวจบงานแล้วค่อยขอเนอะ
คุณด๊องแด๊งเธอทักขึ้นมาว่า
คุณลิงคะ คุณลิงไปเอาสายห้อยบัตรนี้มาจากไหนเหรอคะ
อ้อ ทำไมเรอะครับ
พอดีด๊องแด๊งเคยทำงานอยู่ที่นี่มาก่อนน่ะค่ะ เกรูเด้แอร์ไลน์(เราบินตรงสามโคก-อัฟกานิสถานนนะคะ)

อิช้านเริ่มเหงื่อตก อืม...สาวสวยท่านนี้ เคยทำงานที่เดียวกับป้า
ว๊ายยยยย...ทำไมกรูถึงได้ซวยปานนี้หนออออออออออออออออออออ โอรกกกกก ฮือออ T____T

(กัดฟันถาม)อ้อ แล้วคุณด๊องแด๊งเคยทำส่วนไหนมาก่อนเรอะครับ
อ๋อ ก็ส่วนปฐมพยาบาล ผายปอด ผายพุงประจำเกรูเด้ไงเคอะ
ดังนั้นเรารู้จักแอร์กี่ ขายตั๋ว ฯลฯ

ว่าแต่คุณลิงไปเอาที่ห้อยบัตรมาจากไหนเหรอคะ รู้จักใครข้างในหรือเปล่า
ด้วยแรงสมดด.(สีมาดีเด่)แห่งปี ผมกลั้นใจตอบไปว่า
อ้อ อ้อ อ้อ
ฟะ ฟะ ฟะ แฟนให้มาครับ

งั้นสวัสดีนะครับ
อีมงอีแมว กูไม่เอาแระคร้า

ด้วยรักและเคารพ
อิช้านกลัวแร้นนนนนนน อีป้า อ้า อ้า อ้า