Tuesday 3 November 2009

เจอผีแบบคอมโบเซ็ต

อิช้านเจอผีอีกแล้วค่ะพี่น้อง...
เจอผีคราวนี้...นัตตี้เจ้าลูกน้องให้คำจำกัดความว่า เจ้คะ...นี่เราเจอกันแบบคอมโบ้เซ็ตเลยนะคะเนี่ย...
ตั้งแต่เกิดมา...สาบานได้ว่าเจอผีเป็นเรื่องเป็นราวก็ครั้งนี่ล่ะครับ..
เป็นเรื่องเป็นราวยังไงนั้น...ติดตามชมกันได้ แต่นแต๊น...




เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว พวกเราทำงานเลิกดึกเป็นพิเศษครับ เพราะมีorderสิ้นเดือน
พวกเราชาวโลจิสติกส์ทั้งผองนั้นไซร้..ทำงานไปท้องร้องไปดังอีโครกกกกกก อีโครกกกกก
อิช้านนั้นไซร้...ในฐานะหัวหน้างานผู้ซึ่งช่วยงานห่าเหวอะไรลูกน้องไม่ได้เลยซักกะผีก
สิ่งเดียวที่ทำได้..คือออกไปซื้อข้าวเย็นมาให้ลูกน้องทานกันพวกมันสไตรค์ไปก่อนนั่นล่ะครับ



ณ เวลาสองทุ่มกว่า กระพ๊มเอารถเข้ามาจอดหน้าตึก เพราะมันมืดแล้วและต้องหิ้วกับข้าวพะรุงพะรัง
ผมเดินเข้าไปในตึก โทรสายในเรียกเจ้ากวางน้อยมาช่วยหิ้วกับข้าว
ณ เวลานั้น ทั้งตึกมีแต่ความเงียบและความมืด...เพราะมีแต่พวกเราที่ทำงานกันอยู่แผนกเดียวครับ
จังหวะที่ผมโทรหาเจ้ากวางเสร็จ และจะเดินออกไปเอาของในรถนั้น
ผมได้ยินเสียง ฟิ้ววววววววววววววว ฟิ้ววววววววววววววววววววว ดังมาจากความมืดของระเบียงชั้นสอง

วินาทีนั้น...ผมเงี่ยหูฟัง พร้อมพยายามมองหาต้นตอของเสียงนั้น
ผมสามารถรู้ได้แค่ว่า...เสียงนั้นดังมาจากความมืดในชั้นสอง...เมื่อมองไป ก็ไม่เห็นอะไร
เสียงฟิ้วววววววววววววววววววววว ฟิ้วววววววววววววววววววววนั้นดังอยู่ประมาณ5 นาที
จนเจ้ากวางเดินลงมา เสียงนั้นก็เงียบหายไป



กวางเดินมาถามผมคำแรกว่า เจ๊ หนูรู้ว่าเจ๊เห็นอะไรใช่ไหม
ผมเงียบ ไม่พูดอะไร ขึ้นมาที่ห้องทำงานตั้งสติ...
เสียงนั้น มันเป็นเสียงรถเด็กเล่นนี่หว่า วิ่งวนไปมาดังฟิ้วววววววววววฟิ้วววววววววววววววววววววว
ที่ชั้นสองนั้น...มีของเซ่นไหว้ที่เสามุมหนึ่งอยู่ครับ และที่มุมเสานั้น มีรถบังคับเด็กเล่นวางอยู่หนึ่งคันพร้อมกับของเซ่นไหว้
ก่อนหน้านั้น..ผมเคยถามไถ่พี่ๆที่ทำงานชั้นสองได้ความว่าที่ต้องเอาตั้งนั้น เพราะแกเห็นเด็กเล็กๆวิ่งแวบไปแวบมาเสมอ



ผมบอกกวาง เฮ้ยเจ้ได้ยินเสียงรถเด็กเล่นวิ่งวนไปมาดังฟิ้ววววฟิ้วววววว่ะ
นัตตี้บอกว่า...พี่ยามก็เคยเจอแบบเจ๊เนี่ยล่ะวันนึงพี่ยามขึ้นมาตรวจความเรียบร้อยที่ชั้นสองก็ได้ยินเสียงฟิ้วววววว ฟิ้ววววววววววว
พี่ยามแกเปิดไฟดูก็ไม่เห็นอะไร รถเด็กเล่นก็ยังจอดอยู่ทีเดิม
หากแต่...เสาของรถเด็กเล่นนั้นมันแกว่งไปมาล่ะเจ๊



ผมก็ได้แต่คิดว่า..อ้อ คงเป็นน้องกุมารน้อยที่ชั้นสองล่ะมั้ง...
วันอาทิตย์ไปซื้อของกะที่บ้าน ผมจึงชวนน้องยุ้ยไปซื้อของเด็กเล่นมาถวายกันครับ
ด้วยความที่เราไม่รู้ว่าน้องกุมารน้อยนั้นเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
รอบคอบซะไม่มี ยุ้ยจึงให้ผมซื้อสองอย่างคือรถเด็กเล่นกับตุ๊กตาแกะน้อย4ตัวครับ



วันนี้ตอนเที่ยงๆผมเตรียมแกะของเล่นไปถวาย
จังหวะนั้นผม นัตตี้ เสี่ยนุและเจ้ากวางนั่งด้วยกันอยู่ในห้อง
แกะตุ๊กตาออกมาแล้ว ผมยังถามลูกน้องด้วยความคึกคะนอง เฮ้ยถวายดีไหมวะ เดี๋ยวดึกๆมีเสียงปี๊บๆอะไรแบบนั้นมาทำไงวะ (ตุ๊กตาแกะเป็นตุ๊กตายางมีเสียงครับ)
นัตตี้หัวเราะ เออ ถวายไปเหอะเจ๊ เราอุตส่าห์ตั้งใจซื้อมาถวายแล้ว



หลังจากถวายของเสร็จ ผมเดินกลับไปที่ห้อง คิดเล่นๆในใจ ไม่ได้มีเจตนาท้าทายหรืออะไรทั้งนั้นนะครับ
เออ...หรือวันนั้นเราหูฝาดไปเองนะ อาจจะไม่ใช่เสียงรถเด็กเล่นอะไรก็ได้มั้ง
อืม..ถ้ามีจริงนะ ออกมาให้เจอหน่อยเถอะ จะได้พิสูจน์ว่าเราไม่ได้คิดไปเอง



เย็นถัดมา...ได้เรื่องเลยครับ
ช่วงเย็นวันนี้ฟ้าครึ้ม ลมพัดแรง ฝนทำท่าจะตก
จังหวะนั้น แอร์ที่ทำงานปิดซ่อม เจ้านุจึงเดินไปแง้มหน้าต่างเล็กๆเอาไว้หนึ่งบานครับ หน้าต่างที่ห้องนั้นมีสามบาน บานที่แง้มไว้เป็นบานตรงกลาง
ซักพัก กวางพูดขึ้นมา เจ๊ เจ๊ว่าในห้องมีลมมั้ย
ผมตอบ..ไม่มีนี่ เจ๊ว่าอากาศนิ่งจะตาย ทำไมวะกวาง
ก็เมื่อกี้อ่ะ มีลมเย็นๆพัดวูบมาชนหนูอ่ะเจ๊ เอ...แต่หนูไม่ได้นั่งตรงกับหน้าต่างนะ



ผมไม่ได้สนใจอะไร จึงนั่งทำงานต่อไป
ซักพักได้ยินเสียงแก่ก แก่ก แก่ก มาจากทางหน้าต่าง
กวาง นัตตี้และเสี่ยนุนั่งทำงานอยู่ด้วยกัน หันไปมองตามเสียงนั้น
ระหว่างเสียง แก่ก แก่ก แก่ก นั้น..อะไรบางอย่างทำให้ผมไม่ตัดสินใจหันกลับไปมอง แต่กลับเงยหน้ามองหน้าสามคนนั้น
สามคนนั้น จ้องไปทางหน้าต่าง ตัวแข็งทื่อ...



วินาทีถัดมา... มู่ลี่บานริมอันเบ้อเริ่มเทิ่ม ฟาดกับผนังดังแกร๊งงงงง แกร๊งงงงงงงงงงงงงงง
ทุกคนในห้องนิ่งเงียบ....ผมตัวแข็งทื่อ สามคนนั้นอ้าปากค้าง ตาจ้องไปยังทางที่เกิดเหตุ
นัตตี้พูดขึ้นมาว่า เจ๊ เราเลิกทำงานกันเถอะเนอะวันนี้..
ผม อืม... ไปเหอะ งานไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เคลียร์เอง
เราสี่คนสวมวิญญาณหลวงพ่อโกยลงมาอยู่หน้าทางออกในเวลาสามวินาทีครึ่ง



ขณะที่อยู่หน้าทางออกนั้น นุตะโกนขึ้นมาว่า เฮ้ยเจ๊ เจ๊ได้ยินเสียงอะไรมั้ย
เฮ้ย เสียงไรวะนุ เสียงแก่ก แก่ก แก่ก เหมือนใครไถรถเด็กเล่นอ่ะเจ๊
สิ้นเสียงคำบอกเล่านั้น ผมรีบเดินไปขึ้นรถพร้อมนุ สองสาวนั้นเดินตามมาทีหลัง



จังหวะที่ผมยืนรออยู่หน้าทางออกนั้น ผมได้ยินเสียงเรียก "เจ๊ลิงงงงงงงงงงง(ชื่อผม)"ลอยมาตามลม
เสียงนั้นเย็นยะเยียบและเป็นเสียงผู้หญิง
วินาทีเดียวกันนั้น นุหันหน้าไปทางเสียงเรียกนั้น ทำหน้าตกใจ เฮ้ยเจ๊ เจ๊ได้ยินมั้ยนั่น



สิ้นเสียงเรียกนั้น...ผมขนลกซู่ทั้งตัวและรู้สึกน้ำตาจะไหล...


เราสี่คนวิ่งร้อยเมตรออกมาหน้าประตูใหญ่ หลังจากตั้งสติได้แล้ว...
เฮ้ย ตอนที่มูลี่มันฟาดผนังอ่ะ พวกเอ็งเห็นอะไรวะ แล้วทำไมมันฟาดได้วะ มู่ลี่อันใหญ่ขนาดนั้น ลมแม่งก็ไม่มี
นัตตี้หน้าซีดเผือด เล่าว่า...
ตอนนั้นพวกหนูก็ได้ยินเสียงแก่ก แก่ก แก่ก จึงหันไปทางหน้าต่าง
เจ๊รู้ไหม พวกหนูเห็นอะไร...

เสียงแก่ก แก่ก แก่กนั้น มันคือเสียงมูลี่รูดขึ้นเองเจ้
หลังจากมันรูดขึ้นเอง มันก็หล่นลงมาดังตึ้งง และอยู่ดีๆมันก็ฟาดกับผนังดังโคร้มมมมมมมมมมม ทั้งๆที่ไม่มีลมไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อยเจ้


เออเจ้ แล้ววันนี้ตอนเจ้ไม่อยู่ห้องมีแฟกซ์แปลกๆมาล่ะเจ้
แฟกซ์นั้นมาสามใบ นี่ไงหนูติดเอามาด้วยว่าจะเอามาถามเจ้ เนี่ยไอ้แอ๊ดก็ยังถามว่าใครแฟกซ์มา
แฟกซ์นั้นเป็นกระดาษรีไซเคิลเจ้ แอ๊ดมันจำได้ว่ามันเป็นคนขีดฆ่ากากบาทเอง
ผมรับเอกสารสามใบนั้นมาดู...
เออ มันเป็นเอกสารรีไซเคิลจริงๆด้วย แต่...มันแปลก



แปลกที่...ใครเป็นคนส่งเอกสารนี้มา ทั้งๆที่มันไม่ได้ใช้แล้ว ลูกน้องผมเป็นคนทิ้งกับมือ
เมื่อดูที่หัวกระดาษ...มีหมายเลยP1อยู่ทั้งสามใบ
เฮ้ย งั้นก็ไม่ได้ส่งผิดอ่ะดิวะงั้น เพราะถ้าคนส่งผิดจริง มันควรจะเป็นP1 P2 P3 นั่นคือส่งพร้อมกันในครั้งเดียวแล้วอาจจะกดเบอร์ผิดก็ได้
นี่เท่ากับว่าคนที่ส่งต้องโทรเพื่อจะส่งสามครั้งเลยนะเว้ย ดังนั้นตัดประเด็นส่งผิดไปได้
นัตตี้เล่าต่อ เจ๊ เจ๊รู้ป่าว มีเรื่องแปลกมากกว่านั้นอีก

ตอนที่แฟกซ์มันไหลออกมาอ่ะเจ้ แฟกซ์ปรกติที่ห้องเรากระดาษจะไหลออกมาโดยเงยหน้าที่มีข้อความ
แต่ไอ้สามใบนี้...มันคว่ำหน้าไหลออกมาจากเครื่องล่ะเจ๊
หนูยังคิด เอ๊ะ แผนกเราไม่เคยใช้กระดาษรีไซเคิลในเครื่องแฟกซ์นี่นา
เอ...หรือว่าต้นทางเค้าจะแฟกซ์มาผิดด้านหนอ มันเลยออกมาเป็นกระดาษเปล่า
แต่เจ๊พลิกดูสิ ถ้าผู้ส่งส่งผิดด้าน เอาด้านที่เป็นกระดาษเปล่าส่งมาจริง มันต้องมีรอยบ้าง แต่นี่ไม่มีรอยหมึกเลยนะเจ๊



เรื่องแฟกซ์สามใบนั่น ติดใจผมมาก มันแฟกซ์มาจากไหนหนอ??
และที่แปลกไปกว่านั้นอีก เราสี่คนที่โดนหลอกนั่น เป็นสี่คนที่อยู่ด้วยกันตอนที่จะเอาของเล่นไปถวาย
และตุ๊กตาแกะนั้น...มี4ตัว



นี่สินะ...โดนผีหลอก
ผมตั้งจิตอธิษฐานขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมไม่ได้ตั้งใจลบหลู่นะครับ มันแค่เป็นความสงสัยในใจของผมเท่านั้นที่ว่าเราหูฝาดไปหรือเปล่า ไม่งั้นให้ออกมาให้เจอหน่อย


อย่าอีกน้า..ไม่เอาแล้วจ้า

6 comments:

24 : จุดเริ่มต้นของเรื่องมหัศจรรย์ said...

เด็กแถวนั้น

ซนจิงๆ เรย

^^

LE ARTISAN said...

เด็กน้อยในอีกมิติหนึ่งก็เหมือนกับเด็กๆในมิตินี้

แผ่เมตตาให้เค้าเยอะๆนะคะ

อามิสบูชาก็ควรจะให้เป็นเรื่องๆไป

เค้าจะได้ให้คุณมากกว่าให้โทษอ่า

ชวนไว้ช่วยเฝ้าที่ทำงานดีกว่า ปลอดภัยดีค่ะ ^_^

plaCraZy^ said...

พี่ลิง นู๋อ่านแล้วขนลุกอ่าา กลัวว T^T
คิดว่าจะมีมุข สั่ง KFC คอมโบเซ้ตแล้วไก่หายซะอีก

เหอๆๆ

กลัว

Tar la la said...

เอิ่ม เอิ่ม
อึ้งค่ะ อึ้ง
อ่านแล้วก็ระทึกดีนะคะ
แต่ถ้าอยู่ในสถานการณ์จริง คงสิ้นสติไปตั้งแต่เห็นมูลี่รูดเองได้แล้วละคะ

Choco_GiRL said...

อ่านแล้วขนลุกเลย...บรื๊ออออ!!!

เด็กผีอ่ะน่ากลัวสุดละ..แบบว่าเค้าอยากเล่นๆ

ไม่ได้ถามเราเลยว่าอยากเล่นด้วยม๊ายยยย

เยร้าย!!~ กลัวอ่ะไปดีกั่วววว---

wawine said...

แง๊ น่ากลัวจัง ไม่น่าเข้ามาอ่านเลย